คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6678/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยรับของโจรทรัพย์รวม 13 รายการไว้ในคราวเดียวกันแม้จะปรากฏว่าทรัพย์ดังกล่าวแต่ละรายการเป็นของผู้เสียหายหลายคนต่างกัน การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดกรรมเดียว การที่โจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นแต่ละคดีตามจำนวนของผู้เสียหายรวมทั้งคดีนี้ด้วยนั้น เมื่อได้ความว่าศาลชั้นต้นในคดีอื่นได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจร ทรัพย์บางรายการที่จำเลยรับมาในคราวเดียวกับคดีนี้แล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิจะนำคดีมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรเป็นคดีนี้อีก เพราะสิทธินำคดีอาญามาฟ้องเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเป็นตัวการร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335, 357ขอให้นับโทษต่อ
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 จำคุก 1 ปี 6 เดือน คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 1 ปี นับโทษจำเลยต่อจากคดี (อาญา) หมายเลขแดงที่ 4081/2530ของกลางผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว จึงยกคำขอ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยได้รับทรัพย์ของกลางในคดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4081/2530ของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นนำโทษของจำเลยในคดีนี้ไปนับต่อตามคำขอของโจทก์ไว้ในคราวเดียวกัน จึงเป็นการกระทำความผิดฐานรับของโจรกรรมเดียว แต่โจทก์ได้แยกฟ้องจำเลยเป็นแต่ละคดีตามจำนวนของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยถูกฟ้องและศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4081/2530 ของศาลชั้นต้นแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะนำคดีมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรเป็นคดีนี้อีก เพราะเป็นความผิดกรรมเดียวกันกับคดีดังกล่าวและสิทธิที่โจทก์จะนำคดีมาฟ้องจำเลยสำหรับความผิดนั้นเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share