คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6098/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

กรณีที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยหมิ่นประมาทอิมามอโยตลารูฮุลลาห์โคมัยนี นั้น บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลย คือ อิมามอโยตลารูฮุลลาห์โคมัยนีมิใช่โจทก์ แม้โจทก์จะเคารพหรือนับถือเทิดทูนอิมามอโยตลารูฮุลลาห์โคมัยนี ก็เป็นความผูกพันทางจิตใจของโจทก์ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างบุคคล จะถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายด้วยไม่ได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามความหมายที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) แม้โจทก์ได้รับแต่งตั้งเป็นอุปทูตฝ่ายวัฒนธรรมของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านประจำประเทศไทย ก็มีผลเพียงทำให้โจทก์เป็นตัวแทนของรัฐดังกล่าวไม่มีผลทำให้เป็นตัวแทนของอิมามอโยตลารูฮุลลาห์โคมัยนีเมื่อโจทก์มิได้เป็นผู้เสียหายและมิได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นอุปทูตฝ่ายวัฒนธรรม สถานทูตอิหร่านประจำประเทศไทย จำเลยเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ ตีพิมพ์ข้อความหมิ่นประมาท อิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี ประมุขของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 133,134, 135, 326 และ 328 พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484มาตรา 48, 49 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่” โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้งว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยทั้งสอง และโจทก์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนของรัฐบาล และประมุขของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านโดยเป็นอุปทูตฝ่ายวัฒนธรรม กรณีที่จำเลยทั้งสองหมิ่นประมาทประมุขของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องมอบอำนาจอีกชั้นหนึ่ง ทั้งการที่จำเลยทั้งสองหมิ่นประมาทอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี ซึ่งเป็นประมุขของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านที่โจทก์เคารพนับถือและเทิดทูนนั้นย่อมเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ด้วย โจทก์จึงเป็นผู้ได้รับความเสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28 บัญญัติให้พนักงานอัยการกับผู้เสียหายเท่านั้นมีอำนาจฟ้องคดีอาญาต่อศาลและตามมาตรา 2(4) ได้ให้ความหมายของคำว่า “ผู้เสียหาย” ไว้ว่า หมายความถึงบุคคลที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานหนึ่งฐานใด กรณีที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองหมิ่นประมาทอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี นั้นบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยทั้งสองก็คืออิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี มิใช่โจทก์ แม้โจทก์จะเคารพนับถือหรือเทิดทูนอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนี ก็เป็นความผูกพันทางจิตใจของโจทก์ ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างบุคคลจะถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองด้วยไม่ได้โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามความหมายที่บัญญัติไว้ในมาตรา 2(4)ส่วนกรณีที่โจทก์ได้รับแต่งตั้งเป็นอุปทูตฝ่ายวัฒนธรรมของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ประจำประเทศไทยนั้นมีผลเพียงแต่ทำให้โจทก์เป็นตัวแทนของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านซึ่งเป็นรัฐไม่มีผลทำให้โจทก์เป็นตัวแทนของอิมาม อโยตลา รูฮุลลาห์ โคมัยนีซึ่งเป็นบุคคลไปด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้เป็นผู้เสียหายและมิได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายดังกล่าว โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยไม่ไต่สวนมูลฟ้องนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share