คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4310/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ระหว่างระยะเวลาที่คู่ความอาจอุทธรณ์คดีแพ่งได้ โจทก์กับจำเลยตกลงกันในการพิจารณาคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาโกงเจ้าหนี้ และเบิกความเท็จว่าโจทก์ยอมถอนฟ้องคดีดังกล่าวแลกกับการที่จำเลยงดเว้นการใช้สิทธิอุทธรณ์คดีแพ่ง จำเลยยืนยันรับข้อตกลงดังกล่าว เมื่อโจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาตามข้อตกลงแล้ว ก็ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิอุทธรณ์คดีนี้ไปแล้วตามข้อตกลงดังกล่าว จำเลยจะกลับมาใช้สิทธิอุทธรณ์คดีแพ่งไม่ได้ ศาลฎีการับฟังสำเนารายงานกระบวนพิจารณาของศาลในอีกคดีหนึ่งซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้ได้ เพราะโจทก์ย่อมไม่อาจนำสืบถึงรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวในศาลชั้นต้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยปราศจากมูลหนี้ที่แท้จริง แล้วจำเลยที่ 2 นำความเท็จดังกล่าวฟ้องต่อศาล ทำให้ศาลมีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดจากจำเลยที่ 1 เป็นจำเลยที่ 2 ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 ไม่อาจบังคับคดีตามคำพิพากษากับที่ดินแปลงดังกล่าวได้ จำเลยทั้งสองรู้อยู่ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบอันเป็นการฉ้อฉลต่อโจทก์ ขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินแปลงดังกล่าว จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าสินค้าและเป็นหนี้เงินที่ยืมไปจากจำเลยที่ 2 จึงทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมโอนที่ดินตามฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 เพื่อเป็นการชำระหนี้ ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดสัญญา จำเลยที่ 2 จึงฟ้องคดีและได้รับโอนที่ดินดังกล่าวมาโดยคำพิพากษาของศาล จึงเป็นการรับโอนที่ดินมาโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทน จำเลยที่ 2 มิได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันจะทำให้โจทก์เสียเปรียบแต่ประการใด ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษายกอุทธรณ์จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยขอให้พิพากษาให้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2527 ต่อมาวันที่ 7 ธันวาคม2527 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างระยะเวลาที่คู่ความอาจอุทธรณ์คดีนี้ได้นั้น ศาลจังหวัดชลบุรีนัดสืบพยานจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1656/2526 ระหว่างนายใช่สุน โง้วธนารมย์ โจทก์ นางเจษราแซ่จู ที่ 1 นายเล็ก แซ่ลี้ ที่ 2 นายสมเกียรติ จินตนโรจน์ที่ 3 จำเลย ข้อหาโกงเจ้าหนี้เบิกความเท็จ ในวันนั้นเองคู่ความได้ตกลงกันตามสำเนารายงานกระบวนพิจารณาลงวันนั้น ซึ่งโจทก์ส่งอ้างมาในคำแก้อุทธรณ์คดีนี้ว่า โจทก์ยอมรับว่าจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 เป็นจำนวน 100,000 บาท และโจทก์ยอมถอนฟ้องคดีดังกล่าวแลกกับการที่จำเลยที่ 2 งดเว้นการใช้สิทธิอุทธรณ์ในคดีนี้ จำเลยยืนยันรับข้อตกลงดังกล่าว ทนายโจทก์ขอถอนฟ้องศาลจังหวัดชลบุรีอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ โจทก์และจำเลยทั้งสามในคดีดังกล่าวลงชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณานี้ด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์กับจำเลยที่ 2 ตกลงกันว่าโจทก์ยอมถอนฟ้องคดีอาญาเพื่อแลกกับการที่จำเลยที่ 2 งดเว้นการใช้สิทธิอุทธรณ์คดีนี้ เมื่อโจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาตามข้อตกลงแล้ว ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 สละสิทธิอุทธรณ์คดีนี้ไปแล้วตามข้อตกลงดังกล่าว จำเลยที่ 2 จะกลับมาใช้สิทธิอุทธรณ์คดีนี้อีกไม่ได้ ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าโจทก์มิได้นำสืบแสดงหลักฐานสำเนารายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่ารายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้แล้ว โจทก์ย่อมไม่อาจนำสืบในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นได้ ฎีกาจำเลยที่ 2 ทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share