คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3349/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด และศาลสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ริบของกลางแต่เมื่อคู่ความมิได้อุทธรณ์และคดีถึงที่สุดแล้ว การขอคืนของกลางดังกล่าวย่อมตกอยู่ในบังคับแห่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36และในชั้นขอคืนของกลาง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ผู้ร้องจึงไม่อาจขอคืนของกลางได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เป็นเจ้าของอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางที่ศาลมีคำสั่งริบใบคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าซึ่งผู้ร้องให้จำเลยทั้งสองขอยืมปืนของกลางไปเพื่อใช้ป้องกันตัวมิได้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองขอให้ศาลสั่งคืนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางให้แก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาในชั้นนี้ว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยกับการที่จำเลยทั้งสองนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง 2 กระบอก ของผู้ร้องไปใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่อาวุธปืนของกลาง 2 กระบอก ได้แก่อาวุธปืนเดี่ยวลูกกรดยาว ขนาด .22และอาวุธปืนเดี่ยวลูกซองยาว ขนาด 12 ซึ่งเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้ร้องที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามหลักฐานใบอนุญาตของนายทะเบียนเอกสารหมาย ร.1, ร.2 เห็นว่า การที่ผู้ร้องให้จำเลยทั้งสองยืมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปใช้เพื่อป้องกันตัวทั้งสองกระบอกในการไปตัดไม้ในป่าด้วยกันนั้น น่าเชื่อว่าผู้ร้องในฐานะนายจ้างของจำเลยทั้งสองมีความมุ่งหมายอย่างอื่นนอกจากเพื่อให้ไว้ใช้ป้องกันตัวดังที่ผู้ร้อง เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องเบิกความว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนงานรับจ้างผู้ร้องไปตัดไม้ในป่า พฤติการณ์น่าเชื่อว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจให้จำเลยทั้งสองนำปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางของผู้ร้องทั้งสองกระบอกไปใช้ล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอันเป็นที่เกิดเหตุคดีนี้ศาลฎีกาเห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสอง ส่วนฎีกาผู้ร้องในข้อที่ว่าเมื่อโจทก์มิได้ขอให้ริบเป็นของกลางย่อมแสดงว่าโจทก์เห็นว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับการกระทำความผิดและเป็นการพิพากษาเกินคำขอซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 นั้น เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวหาตามฟ้องฟังได้ว่าปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดและศาลสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 โดยคู่ความมิได้อุทธรณ์ คดีจึงถึงที่สุดแล้ว การขอคืนของกลางของผู้ร้องย่อมตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 เมื่อทางไต่สวนฟังได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ผู้ร้องจึงขอคืนของกลางมิได้ ฎีกาผู้ร้องในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share