คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทำใบขอรับเงินจำนวนหนึ่งจากจำเลยโดยมีข้อความว่า ไม่ติดใจที่จะเรียกร้องเงิน สิทธิหรือประโยชน์อื่นใดจากจำเลยอีกเมื่อการทำใบขอรับเงินดังกล่าวได้กระทำหลังจากที่โจทก์พ้นสภาพการเป็นลูกจ้างของจำเลยไปแล้ว โจทก์ย่อมมีอิสระแก่ตน พ้นพันธกรณีและอำนาจบังคับบัญชาจากจำเลยโดยสิ้นเชิงการทำเอกสารสละสิทธิตามที่กล่าวข้างต้นจึงเป็นไปตามความสมัครใจโดยแท้จริงการสละสิทธิดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นพนักงานขับรถประจำตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลย จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ทำงานเกินเวลาทำงานปกติวันละ 3 ชั่วโมงต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์แต่มิได้จ่ายค่าล่วงเวลาให้ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาและเงินอื่นให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการและตัดฟ้องว่าเมื่อโจทก์ออกจากงานโจทก์ได้ขอรับเงินตามสิทธิและตามกฎหมายจากจำเลย คือสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย และค่าล่วงเวลาโดยโจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องเงินสิทธิและประโยชน์อื่นใดจากจำเลยอีกโจทก์ได้รับเงินไปจากจำเลยครบถ้วนแล้ว จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินจากจำเลยอีก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่าใบขอรับเงินเมื่อออกจากงานมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์มีสิทธิฟ้องและเรียกร้องค่าล่วงเวลาจากจำเลยได้ พิพากษาให้จำเลยชำระค่าล่วงเวลา 30,327.34 บาทพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ‘ค่าล่วงเวลาเกินเวลาทำงานปกตินั้นเป็นเงินที่นายจ้างจะต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ 34 แม้ไม่ใช่เป็น ‘ค่าจ้าง’ ตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ 2 แต่ลูกจ้างมีสิทธิเรียกร้องเงินประเภทนี้ได้เมื่อถึงกำหนดวันจ่ายตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างหรือข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน ถ้านายจ้างและลูกจ้างตกลงกันก่อนเข้าทำงานหรือตกลงกันในขณะทำงานซึ่งสภาพการเป็นนายจ้างลูกจ้างยังคงอยู่ ข้อตกลงเช่นว่านั้นย่อมขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ 34 หามีผลใช้บังคับไม่ แต่กรณีนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่ โจทก์ทำใบขอรับเงินตามเอกสารหมายเลข 2 ท้ายคำให้การหลังจากที่โจทก์พ้นสภาพการเป็นลูกจ้างของจำเลยไปแล้ว โจทก์ย่อมมีอิสระแก่ตน พ้นพันธกรณีและอำนาจบังคับบัญชาจากจำเลยโดยสิ้นเชิง การทำเอกสารสละสิทธิตามที่กล่าวข้างต้นจึงเป็นไปตามใจสมัครโดยแท้จริง ปราศจากเหตุอันควรวิตกว่าโจทก์กระทำโดยจำเลยข่มให้ทำโดยอำนาจ เหตุนี้ศาลฎีกาเห็นว่าการสละสิทธิเรียกร้องค่าล่วงเวลาเกินเวลาทำงานปกติตามเอกสารหมายเลข 2 ท้ายคำให้การมีผลใช้บังคับโจทก์หามีสิทธิเรียกร้องเงินดังกล่าวไม่ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระค่าล่วงเวลาเกินเวลาทำงานปกติอันเป็นเงินจำนวนที่ 1 ตามคำฟ้องศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังขึ้น’
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยไม่ต้องชำระค่าล่วงเวลา 30,327.34 บาทแก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง.

Share