คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3653/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาค้ำประกันที่ผู้ร้องทำต่อศาลชั้นต้นในชั้นขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ ผู้ร้องเป็นผู้รับผิดชอบแทนจำเลย โดยยินยอมชำระเงินตามคำสั่งศาลแทนจนครบ สัญญาค้ำประกันดังกล่าวมิได้ยุติเพียงศาลอุทธรณ์พิพากษาเท่านั้น หากผู้ร้องประสงค์จะ ผูกพันตนเพียงชั้นศาลอุทธรณ์ก็ควรเพิ่มเติมข้อจำกัดความรับผิดชอบ นั้นไว้ในสัญญาโดยชัดแจ้ง ดังนั้นความรับผิดของผู้ร้องตามสัญญา ค้ำประกันดังกล่าวจะสิ้นไปก็ต่อเมื่อศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา ศาลใดศาลหนึ่งพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์หรือในระหว่างฎีกา ได้มีการทำหนังสือสัญญาค้ำประกันขึ้นใหม่.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าเล่นแชร์จากจำเลยในฐานะนายวงแชร์ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน48,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์จำเลยอุทธรณ์และขอทุเลาการบังคับชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งในเรื่องขอทุเลาการบังคับว่า ถ้าจำเลยหาประกันสำหรับต้นเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมด้วยดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 ปี มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นดำเนินการตามคำสั่งนี้ ในที่สุดมีนางเขียม ใจแก้ว ผู้ร้อง เข้ามาทำสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาลว่า “ฯลฯ นางเขียม ใจแก้ว (หม้าย)ขอทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาลจังหวัดอำนาจเจริญโดยนำ น.ส.3มาวางค้ำประกันให้จำเลย และขอรับรองว่า ถ้าหากนางประพันธ์ศรี หงษ์คำจำเลยไม่สามารถชำระหนี้ในคดีนี้แก่โจทก์ จำนวน 48,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นางเขียม ใจแก้ว จะเป็นผู้รับผิดชอบแทน โดยยินยอมชำระเงินตามคำสั่งของศาลแทนจนครบถ้วนฯลฯ” ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาและขอทุเลาการบังคับชั้นฎีกา ศาลฎีกาสั่งในเรื่องขอทุเลาการบังคับว่า ถ้าจำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พร้อมดอกเบี้ยมีกำหนด 3 ปี มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้องศาลชั้นต้นดำเนินการตามคำสั่งนี้ แต่จำเลยไม่สามารถหาหลักประกันมาให้เป็นที่พอใจศาลชั้นต้นได้ จึงให้ยกคำร้องตามคำสั่งศาลฎีกาต่อมาศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน50,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลยคืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่จำเลย ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับโจทก์ขอให้ศาลดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์ของผู้ร้องขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ให้โจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เคยยื่นคำร้องขอถอนหลักทรัพย์ประกันชั้นอุทธรณ์แล้วและศาลฎีกาได้มีคำสั่งในเรื่องขอทุเลาการบังคับแล้วภาระหน้าที่ต่าง ๆ ของผู้ร้องในการเข้าประกันการขอทุเลาการบังคับชั้นอุทธรณ์เป็นอันยุติ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของผู้ร้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์
ศาลชั้นต้นสั่งว่า สัญญาที่ผู้ร้องทำไว้ต่อศาลเป็นสัญญาที่ผู้ร้องประกันต่อศาลว่า ถ้าจำเลยไม่สามารถชำระหนี้แก่โจทก์ ผู้ร้องจะเป็นผู้รับผิดชอบแทน ซึ่งเป็นสัญญาตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274 ผู้ร้องจึงต้องรับผิดตลอดไป จนกว่าจะบังคับคดีเสร็จ ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาตามที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องค้ำประกันในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ภาระความรับผิดชอบในการค้ำประกันการขอทุเลาการบังคับของผู้ร้องย่อมสิ้นสุดลงและเมื่อจำเลยฎีกา แต่ผู้ร้องมิได้ค้ำประกันในชั้นฎีกาภาระความรับผิดชอบในมูลหนี้ตามฟ้องซึ่งจำเลยมีต่อโจทก์ย่อมไม่ผูกพันถึงผู้ร้องนั้น เห็นว่า ตามสัญญาค้ำประกันที่ผู้ร้องทำต่อศาลชั้นต้นนั้นมีข้อความว่า ผู้ร้องจะเป็นผู้รับผิดชอบแทนจำเลย โดยยินยอมชำระเงินตามคำสั่งศาลแทนจนครบ ซึ่งมีความหมายว่าถ้าจำเลยแพ้คดีโจทก์และไม่ชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษาแล้ว ผู้ร้องยินยอมชำระเงินให้โจทก์แทนจำเลยจนครบ ดังนี้ เห็นได้ว่า สัญญาค้ำประกันมิได้ยุติเพียงศาลอุทธรณ์พิพากษาเท่านั้น หากผู้ร้องประสงค์จะผูกพันตนเพียงชั้นศาลอุทธรณ์ก็ควรเพิ่มเติมข้อจำกัดความรับผิดนั้นไว้ในสัญญาโดยชัดแจ้ง แต่ผู้ร้องหาได้กระทำเช่นว่านี้ไม่ ผู้ร้องจึงยังต้องรับผิดตามข้อความในสัญญาค้ำประกันฉบับดังกล่าว ความรับผิดของผู้ร้องตามสัญญาค้ำประกันฉบับดังกล่าว จะสิ้นไปก็ต่อเมื่อศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาศาลใดศาลหนึ่งพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ในระหว่างฎีกาได้มีการทำหนังสือสัญญาค้ำประกันขึ้นใหม่ ส่วนคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2517 ระหว่างนางแดง วงศ์กาฬสินธุ์ โจทก์นางพอย หรือพลอย วงศ์กาฬสินธุ์ จำเลย นายสวนขวัญ ชมภูมิ่งผู้ค้ำประกัน ที่ผู้ร้องอ้างนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ ผู้ค้ำประกันได้ทำหนังสือสัญญาประกันในชั้นอุทธรณ์ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องรับผิดข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวจึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในคดีนี้…”
พิพากษายืน.

Share