คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3416/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ ผู้เยาว์เองหรือผู้ใช้อำนาจปกครองจะกระทำมิได้เว้นแต่ศาลจะอนุญาต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1574 เมื่อผู้แทนโดยชอบธรรมต้องห้ามโดยกฎหมายมิให้ทำนิติกรรมขายที่ดินซึ่งหมายความรวมถึงนิติกรรมจะขายที่ดินแทนผู้เยาว์โดยลำพังแล้ว จะถือว่าการที่ผู้เยาว์ทำนิติกรรมพร้อมกับผู้แทนโดยชอบธรรม มีผลว่าผู้แทนโดยชอบธรรมอนุญาตให้ทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากศาลก่อนหรือถือว่านิติกรรมที่ผู้เยาว์กระทำด้วยตนเองในขณะยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยมิได้รับอนุญาตจากศาลมีผลผูกพันผู้เยาว์เมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วก็เท่ากับเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ต้องมาขออนุญาตจากศาล ซึ่งผิดไปจากเจตนารมณ์ของกฎหมาย สัญญาจะซื้อขายที่จำเลยที่ 8 ได้กระทำไปในขณะที่ยังเป็นผู้เยาว์ จึงไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 8 แม้ขณะที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 8 จะบรรลุนิติภาวะแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทในฐานะที่เป็นคู่สมรสของนายณฤทธิ์ทองย้อย ซึ่งถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยทั้งแปดทำสัญญาจะขายที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 55(46) ให้นายณฤทธิ์ ทองย้อย ในราคา 15,000 บาทและจำเลยทั้งแปดรับเงินค่าที่ดินไปครบถ้วนแล้ว แต่ในขณะนั้นจำเลยที่ 8 ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และต่อมา น.ส.3 ดังกล่าวสูญหายจึงไม่สามารถจดทะเบียนซื้อขายกันได้ ต่อมาพนักงานที่ดินอำเภอสันทรายออกใบแทน น.ส.3 แล้วโจทก์ติดต่อให้จำเลยทั้งแปดโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ จำเลยทั้งแปดเพิกเฉย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งแปดโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ ถ้าไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนเจตนาของจำเลยทั้งแปด
จำเลยทั้งแปดให้การว่า เมื่อปี พ.ศ. 2520 จำเลยทั้งแปดตกลงขายที่ดินพิพาทแก่นายสิงห์โต ชัยศิริ ในราคา 15,000 บาท และได้รับเงินค่าที่ดินแล้ว แต่จำเลยที่ 8 ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ จึงทำสัญญาจะซื้อจะขายไว้ จำเลยทั้งแปดไม่เคยตกลงขายที่ดินพิพาทแก่นายณฤทธิ์ ทองย้อย และขณะทำสัญญาจะซื้อจะขายจำเลยที่ 8 เป็นผู้เยาว์ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อนจึงจะทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินได้สัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าวข้างต้นจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งแปดโอนที่ดินพิพาทหากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งแปด
จำเลยทั้งแปดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 7 โอนที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 7 จำนวน7 ใน 8 ส่วน ให้แก่โจทก์ สำหรับคำขอโจทก์ส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 8 ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาขอให้บังคับจำเลยที่ 8 โอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นภรรยานายณฤทธิ์ ทองย้อย โดยจดทะเบียนสมรสกัน นายณฤทธิ์ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทจากจำเลยทั้งแปด ได้ชำระราคาที่ดินให้ครบถ้วนแล้ว มีการระบุสัญญาด้วยว่าเนื่องจาก จำเลยที่ 8เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมคนหนึ่งอายุ 15 ปีเศษ ยังเป็นผู้เยาว์จำเป็นต้องให้จำเลยที่ 1 มารดาผู้ใช้อำนาจปกครองยื่นคำร้องขอทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ต่อศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่เสียก่อนมีปัญหาตามที่โจทก์ฎีกาว่า ขณะทำสัญญาจะซื้อจะขาย จำเลยที่ 8ซึ่งเป็นผู้เยาว์ได้ทำนิติกรรมเอง โดยมีจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองรู้เห็นยินยอมด้วย ต่อมาจำเลยที่ 8 บรรลุนิติภาวะแล้วจำเลยที่ 8 ไม่ได้บอกล้างนิติกรรมภายในกำหนด สัญญาจะซื้อจะขายมีผลสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 21 และ 143 นั้นเห็นว่า ตามมาตรา 21 เป็นหลักทั่วไปว่าผู้เยาว์จะทำนิติกรรมต่าง ๆต้องได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน หากได้ทำนิติกรรมไปโดยไม่ได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมแล้วเป็นโมฆียะและมาตรา 24 ผู้เยาว์ยังอาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้นซึ่งเป็นการสมแก่ฐานานุรูปแห่งตน และเป็นการอันจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีพตามสมควรต่อมาเมื่อได้ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้วมีมาตรา 1574 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของบิดามารดาและบุตร บัญญัติเกี่ยวกับการขายอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์ซึ่งผู้เยาว์เองหรือผู้ใช้อำนาจปกครองจะกระทำมิได้เว้นแต่ศาลจะอนุญาตอันเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายที่จะให้มีการคุ้มครองทรัพย์สินและกิจการบางอย่างที่สำคัญของผู้เยาว์ เมื่อศาลไต่สวนแล้วเห็นเป็นการสมควรก็สั่งอนุญาต ผู้แทนโดยชอบธรรมจึงอาศัยคำอนุญาตของศาลไปทำนิติกรรมได้ เมื่อผู้แทนโดยชอบธรรมต้องห้ามโดยกฎหมายมิให้ทำนิติกรรมขายที่ดินซึ่งหมายความรวมถึงนิติกรรมจะขายที่ดินแทนผู้เยาว์โดยลำพังแล้ว จะถือว่าการที่ผู้เยาว์ทำนิติกรรมพร้อมกับผู้แทนโดยชอบธรรมมีผลว่าผู้แทนโดยชอบธรรมอนุญาตให้ทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากศาลก่อนหรือถือว่านิติกรรมที่ผู้เยาว์กระทำด้วยตนเองในขณะยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยมิได้รับอนุญาตจากศาล มีผลผูกพันผู้เยาว์เมื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็เท่ากับเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ต้องมาขออนุญาตจากศาล ซึ่งผิดไปจากเจตนารมณ์ของกฎหมาย สัญญาจะซื้อจะขายที่จำเลยที่ 8 ได้กระทำไปขณะที่ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ จึงไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 8 แม้ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยที่ 8 จะบรรลุนิติภาวะแล้ว
พิพากษายืน.

Share