คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2625/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลรัษฎากรได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าคำวินิจฉัยอุทธรณ์ต้องทำเป็นหนังสือและส่งไปยังผู้อุทธรณ์ กับได้กำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการส่งหนังสือซึ่งมีถึงบุคคลใดตามบทบัญญัติในลักษณะ 2แห่งประมวลรัษฎากรไว้เป็นพิเศษในมาตรา 8 การที่เจ้าพนักงานศาลส่งสำเนาคำฟ้องคดีล้มละลายให้โจทก์โดยวิธีปิดหมายนั้น นอกจากเจ้าพนักงานศาลจะไม่ใช่เจ้าพนักงานสรรพากรตามกฎหมายมาตราดังกล่าวแล้ว จำเลยยังเพียงแต่มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์แนบไปในฐานะเป็นเอกสารประกอบคดีดังกล่าวเท่านั้น หาใช่มีเจตนาจะส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ผู้อุทธรณ์โดยตรง ตามที่ประมวลรัษฎากรบัญญัติไว้ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับคำวินิจฉัยอุทธรณ์แล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากรกลาง ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานงานประเมินของจำเลยมีหนังสือแจ้งการประเมินให้โจทก์ชำระภาษีการค้า เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มรวมเป็นเงิน 8,464,004.27 บาท โจทก์จึงอุทธรณ์การประเมิน ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้ยกอุทธรณ์โจทก์การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบ เพราะโจทก์ได้เสียภาษีเงินได้ครบถ้วนแล้ว โจทก์และนางวาสนาภรรยาของโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีการค้าหนี้ภาษีการค้าขาดอายุความ โจทก์ไม่เคยได้รับหมายเรียกตามประมวลรัษฎากร มาตรา 32 จึงไม่หมดสิทธิที่จะอุทธรณ์ โจทก์ถูกจำเลยฟ้องเป็นคดีล้มละลาย ได้มีการปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในคดีล้มละลายในสำเนาคำฟ้องมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์อยู่ด้วย โจทก์จึงทราบว่าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์แล้ว โจทก์ไม่เคยได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ การส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยมาตรา 8 แห่งประมวลรัษฎากร ขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับดังกล่าว
จำเลยให้การว่า โจทก์และภรรยาเป็นผู้ประกอบการค้าอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ได้จดทะเบียนการค้าและไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีการค้า เจ้าพนักงานประเมินจึงหมายเรียกโจทก์เพื่อตรวจสอบ โจทก์ไม่ส่งบัญชีและเอกสารเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินเจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินไปตามเอกสารและหลักฐานที่ตรวจพบและได้แจ้งการประเมินไปยังโจทก์แล้ว โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ในชั้นพิจารณาอุทธรณ์เจ้าพนักงานของจำเลยได้ออกหมายเรียก ให้โจทก์ไปพบเพื่อไต่สวนตามาตรา 32 แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์รับหมายเรียกแล้วเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามหมายเรียก จึงหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีล้มละลายและได้ส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์ โจทก์ทราบแล้ว ถือว่าเจ้าพนักงานได้ปฏิบัติตามมาตรา 8 แห่ง ประมวลรัษฎากร การส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์จึงชอบแล้วเจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องซึ่งมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้โจทก์ทราบโดยวิธีปิดหมาย โจทก์ฟ้องคดีเกินระยะเวลาตามมาตรา 30 (2) แล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับกันฟังได้ว่าหลักจากโจทก์ยื่นอุทธรณ์การประเมินแล้ว คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ได้ส่งคำวินิจฉัยให้โจทก์โดยตรง หากแต่ต่อมาจำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีล้มละลาย หมายเลขดำที่ ล.369/2532 ของศาลแพ่งคดีดังกล่าว เจ้าพนักงานศาลได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้โจทก์โดยวิธีปิดหมาย และในสำเนาคำฟ้องคดีดังกล่าวมีคำวินิจฉัยเลขที่ 88/2530/2 และเลขที่ 89/2530/2 ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แนบอยู่ด้วย ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยมีว่าตามข้อเท็จจริงดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์โดยชอบแล้วหรือไม่ ประมวลรัษฎากรมาตรา 34 บัญญัติว่า “คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้มีหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์ตามมาตรา 29 หรือมาตรา 30ให้ทำเป็นหนังสือและให้ส่งไปยังผู้อุทธรณ์” และมาตรา 8 บัญญัติถึงวิธีการส่งหมายเรียกหนังสือแจ้งให้เสียภาษีอากร หรือหนังสืออื่นซึ่งรวมถึงคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไว้แล้วตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลรัษฎากรได้กำหนดหลักเกณฑ์ว่าคำวินิจฉัยอุทธรณ์ต้องทำเป็นหนังสือและให้ส่งไปยังผู้อุทธรณ์ กับได้กำหนดวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการส่งหนังสือซึ่งมีถึงบุคคลใดตามบทบัญญัติในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากรไว้เป็นพิเศษโดยเฉพาะไว้ในมาตรา 8 การที่เจ้าพนักงานศาลส่งสำเนาคำฟ้องคดีล้มละลายให้โจทก์โดยวิธีปิดหมายนั้น นอกจากเจ้าพนักงานศาลจะไม่ใช่เจ้าพนักงานสรรพากรตามบทกฎหมายมาตราดังกล่าวแล้ว การส่งสำเนาคำฟ้องคดีล้มละลาย–จำเลยเพียงแต่มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์คดีนี้แนบไปในฐานะเป็นเอกสารประกอบคดีดังกล่าวเท่านั้น หาใช่มีเจตนาที่จะส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์คดีนี้ให้แก่โจทก์ผู้อุทธรณ์โดยตรงตามที่ประมวลรัษฎากรบัญญัติไว้ไม่ จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับคำวินิจฉัยอุทธรณ์แล้วตามประมวลรัษฎากรมาตรา 8วรรคสาม โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อศาลภาษีอากรกลาง ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528
พิพากษายืน.

Share