คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยกู้ยืมเงิน ส.โดยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ส.ไว้ ย่อมเป็นการแสดงอยู่ในตัวว่า จำเลยยินยอมให้ผู้ทรงเช็คลงวันที่เองตามที่เห็นสมควรเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค เอาชำระหนี้นั้นได้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายจึงย่อมลงวันที่ใดก็ได้ และเมื่อโจทก์ได้ลงวันที่ไปแล้วย่อมเป็นการชอบ อีกทั้งการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารลงวันที่สั่งจ่ายในเช็คก็ถือเป็นปริยายได้ว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ลงวันที่สั่งจ่ายโดยสุจริตแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง และเป็นการลงวันที่สั่งจ่ายเช็คที่ถูกต้องแท้จริง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า นายเสวก ทินกร ณ อยุธยา นำเช็คของธนาคารกรุงเทพ จำกัด จำนวน 2 ฉบับ รวมเป็นเงิน 60,000 บาทมาชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ จำเลยที่ 1เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย และจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังในเช็คทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินต่อธนาคารตามเช็ค ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โดยให้เหตุผลว่าบัญชีปิดแล้ว ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 60,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ่ยืมเงินนายเสวก ทินกร ณอยุธยา 80,000 บาท โดยออกเช็คไม่ได้ลงวันที่ให้นายเสวก 3 ฉบับเช็คพิพาทคดีนี้เป็นส่วนหนึ่งของเช็ค 3 ฉบับดังกล่าว มีจำเลยที่ 2เป็นผู้ลงลายมือชื่อสลักหลัง ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ให้นายเสวกและทวงเช็คคืน แต่นายเสวกไม่ได้คืนเช็คให้อ้างว่าสูญหายการที่โจทก์รับเช็คพิพาทไว้เป็นการสมคบกับนายเสวกทำการฉ้อฉลเพราะโจทก์รู้ว่าเป็นเช็คเก่าที่ไม่มีมูลหนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเช็คพิพาทออกมาเกินกว่า 20 ปี การลงวันที่ 3 กันยายน 2527 ในเช็คพิพาทมิใช่วันตามที่ถูกต้องแท้จริง โจทก์ไม่อาจอ้างเอาประโยชน์ในการลงวันที่ในเช็คพิพาทเพราะโจทก์ไม่สุจริต คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน60,375 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข่อเท็จจริงตามที่คู่ความนำสืบมารับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 จ.2ให้แก่นายเสวก ทินกร ณ อยุธยา เพื่อชำระหนี้เงินยืม โดยมีจำเลยที่ 2ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลัง ต่อมาโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาททั้ง 2ฉบับ โดยรับโอนมาจากนายเสวก ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่านายเสวกได้มอบเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินยืมแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า โจทก์ได้รับเช็คมาจากนายเสวกโดยคบคิดกันฉ้อฉลอย่างใด ฎีกาของจำเลยทั้งสองที่อ้างว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทซึ่งมีสภาพเก่ามากแสดงว่าโจทก์ไม่สุจริตนั้นก็ไม่อาจจะรับฟังได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คมาจากนายเสวกโดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดชำระหนี้ตามเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 จ.2 ให้แก่โจทก์ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองต่อไปมีว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่คู่ความนำสืบรับกันว่า เมื่อจำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1จ.2 ให้แก่นายเสวกนั้น ไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายในเช็คทั้ง 2 ฉบับโจทก์ก็ได้รับโอนเช็คมาในสภาพเดียวกัน เมื่อโจทก์นำเช็คพิพาททั้ง 2 ฉบับไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาเชียงกงเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค ก็ไม่ปรากฏวันสั่งจ่ายในเช็คทั้ง 2 ฉบับเมื่อโจทก์ยื่นเรียกเก็บเงินตามเช็คแล้ว ธนาคารจึงได้ลงวันที่สั่งจ่ายในเช็คพิพาททั้งสองฉบับเป็นวันที่ 3 กันยายน 2527 ในวันเดียวกันธนาคารตามเช็คก็ได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเอกสารหมาย จ.3และ จ.4 โจทก์ได้นำคดีมาฟ้องศาลเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2527ยังไม่พ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันสั่งจ่ายคือวันที่ 3 กันยายน 2527จึงไม่ขาดอายุความ ฎีกาของจำเลยทั้งสองที่อ้างว่าจะตัองนับอายุความตั่งแต่วันที่จำเลยที่ 1 สั่งปิดบัญชีต่อธนาคารเมื่อ 10 ปี มาแล้วจึงฟังไม่ขึ้นคดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยต่อไปว่า การลงวันที่ในเช็คพิพาทนั้น โจทก์กระทำโดยสุจริตหรือไม่ เห็นว่า การทีจำเลยกู้ยืมเงินนายเสวกโดยได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้นายเสวกไว้ย่อมเป็นการแสดงอยู่ในตัวว่า จำเลยยินยอมให้ผู้ทรงเช็คลงวันที่เองตามที่เห็นสมควรเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คจากจำเลยเพื่อชำระหนี้นั้นได้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงย่อมลงวันที่ใดก็ได้ และเมื่อโจทก์ได้ลงวันที่ไปแล้วก็ย่อมเป็นการชอบอีกทั้งการที่เจ้าหน้าที่ธนาคารลงวันที่สั่งจ่ายในเช็คก็ถือเป็นปริยายได้ว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ลงวันที่สั่งจ่ายโดยสุจริตแทนโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง และเป็นการลงวันที่สั่งจ่ายเช็คที่ถูกต้องแท้จริง จำเลยจะมาโต้แย้งในภายหลังว่าการกระทำนั้นไม่สุจริตหาได้ไม่…”
พิพากษายืน.

Share