คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ระบุว่าสถานที่เกิดเหตุคือบริเวณบริษัท ค. แม้มิได้ระบุว่าบริษัทดังกล่าวตั้งอยู่ที่ใดก็ตาม แต่ในตอนท้ายของคำฟ้องได้กล่าวไว้ว่า ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ตามหมายขังของศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขดำที่ พ.812/2533 ซึ่งพออนุโลมได้ว่าเป็นส่วนประกอบของคำฟ้อง และปรากฏว่าในสำนวนคดีดังกล่าวซึ่งติดอยู่ตอนหน้าของสำนวนคดีนี้นั้นตามคำร้องของพนักงานสอบสวนที่ขอฝากขังจำเลยในขณะที่เป็นผู้ต้องหาได้ระบุสถานที่เกิดเหตุที่บริษัทดังกล่าวว่าอยู่ที่ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการและจำเลยได้รับสำเนาคำร้องฉบับนี้ไปแล้ว จำเลยย่อมจะเข้าใจได้ดีว่าเหตุคดีนี้เกิดที่ใดจึงได้ให้การรับสารภาพ ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158(5) แล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2533 เวลากลางคืนหลังเที่ยงจำเลยกับพวกอีก 1 คน ได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบริเวณบริษัทแคปปิตับไซโลและอบพืช จำกัด หลังจากนั้นได้พยายามกรรโชกทรัพย์โดยใช้อาวุธมีดและตะกาวเหล้กขู่เข็ญผู้เสียหายแต่การกระทำไม่บรรลุผล ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365, 337, 91, 83พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทีความผิดตามฟ้องเรียงกระทงลงโทษ ฐานบุกรุกจำคุก 4 ปี ฐานพยายามกรรโชก จำคุก 4 ปี รวมจำคุก8 ปี รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 4 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัว่า ฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุสถานที่เกิดเหตุจึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลำีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่าคำฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) บัญญัติให้ฟ้องต้องมีการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ พอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี สำหรับคำฟ้องคดีนี้เมื่ออ่านโดยตลอดแล้วก็พอเข้าใจได้ว่าสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิดก็คือบริเวณบริษัทแคปปิตับไซไลและอบพืช จำกัดแม้จะมิได้ระบุว่าบริษัทดังกล่าวตั้งอยู่ที่ใดก็ตาม แต่ในตอนท้ายของคำฟ้องได้กล่าวไว้ว่า ระหว่างสอบสวนจำเลยถูกควบคุมอยู่ตามหมายขับของศาลชั้นต้นในคดีหมายเลขดำที่ พ.812/2533 ซึ่งพออนุโลมได้ว่าเป็นส่วนประกอบของคำฟ้องและปรากฏว่าในสำนวนคดีหมายเลขดำที่พ.812/2533 ซึ่งติดอยู่ตอนหน้าของสำนวนคดีนี้นั้นตามคำร้องของพนักงานสอบสวนที่ขอฝากขังจำเลยในขณะที่เป็นผู้ต้องหาได้ระบุสถานที่เกิดเหตุที่บริษัทดังกล่าวว่าอยู่ที่ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดงจังหวัดสมุทรปราการ และจำเลยได้รับสำเนาคำร้องฉบับนี้ไปแล้วจำเลยย่อมจะเข้าใจได้ดีว่าเหตุคดีนี้เกิดที่ใดจึงได้ให้การรับสารภาพศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว…”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share