คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่ความฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม2509. โจทก์ยื่นอุทธรณ์วันที่ 28 เดือนต่อมา. อันเป็นวันสุดท้ายที่อาจยื่นได้. โดยโจทก์มิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนจำเลยในวันเดียวกัน.วันนั้นเองศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ วันที่ 1 ธันวาคม 2509. ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำค่าฤชาธรรมเนียมมาวางใน 7 วัน. โจทก์นำมาชำระวันที่ 6 เดือนเดียวกัน.ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้. ศาลมีอำนาจขยายเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่งได้. ทั้งพฤติการณ์แห่งคดีสมควรขยายเวลาให้.(อ้างฎีกา โดยมติที่ประชุมใหญ่ ที่ 1706/2500).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแบ่งนาให้โจทก์ ฯลฯ จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยฎีกา ฎีกาเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยที่ว่า โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อวันครบ 1 เดือน โดยมิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนจำเลย ทั้งมิได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการวางเงินที่กล่าวเป็นการจงใจฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 อุทธรณ์โจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นศาลฎีกาเห็นว่าคู่ความฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม2509 โจทก์ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 28 เดือนต่อมาอันเป็นวันสุดท้ายที่อาจจะยื่นได้ โดยโจทก์มิได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนจำเลยในวันเดียวกัน วันนั้นเองศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ไว้ ครั้นวันที่ 1 ธันวาคม 2509 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า”ปรากฏว่าโจทก์ยังไม่ได้วางค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่ง จึงให้โจทก์นำมาวางศาลใน 7 วัน” ต่อมาโจทก์ก็นำเงินมาชำระเมื่อวันที่ 6 เดือนเดียวกัน ภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้สั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้ ศาลมีอำนาจขยายเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนอีกฝ่ายหนึ่งได้ ทั้งพฤติการณ์แห่งคดีสมควรขยายเวลาให้ ตามคำพิพากษาศาลฎีกา โดยมติที่ประชุมใหญ่ ที่ 1706/2500 พิพากษายืน.

Share