คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น.
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงิน. แต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า ‘หรือผู้ถือ’ ออกนั้น. ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อ. หากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย.
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น. เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์. โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็ค.ย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย. เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้. ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไร. แม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง. ก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป.
จำเลยให้การต่อสู้ว่า. โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริต.และไม่ชอบด้วยกฎหมาย. แต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร. เป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง.
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่น.และบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้. แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้. เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด ซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ โจทก์นำเช็คฝากเข้าบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีทวีแสงไทยอุดร เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยแจ้งว่า ผู้สั่งจ่ายได้อายัดเช็คไว้ ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีทวีแสงไทยอุดรจึงคืนเช็คต่อโจทก์ โจทก์ทวงถามจำเลยก็ไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรง โจทก์ได้เช็คฉบับนี้มาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์และไม่เคยค้ากับโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยสั่งจ่ายเช็คฉบับนี้ล่วงหน้าให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีทวีแสงไทยอุดร ซึ่งได้ทำสัญญาขายปอฟอก 310 ตัน แต่ไม่ส่งมอบปอฟอกทั้งหมดให้จำเลยจำเลยได้รับความเสียหาย จึงแจ้งอายัดเช็ค ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยออกเช็คพิพาทให้เป็นการชำระค่าปอแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดทวีแสงไทยอุดร มิใช่โจทก์ โจทก์มิใช่ผู้ทรงไม่มีสิทธิบังคับจำเลย พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทโจทก์เป็นผู้ถือเช็ค ฟ้องให้จำเลยใช้เงิน ปรากฏตามเช็คพิพาทว่า”จ่าย THAVI SENG THAI & EO หรือผู้ถือ OR BEARER” เห็นว่าเช็คพิพาทนั้นผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะ THAVI SENG THAI& EO หากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย จึงไม่ได้ฆ่าคำว่า “ผู้ถือ” ออกดังนั้นเมื่อเช็คพิพาทตกมาอยู่กับโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ครอบครองหรือเป็นผู้ถือเช็คย่อมมีสิทธิที่จะนำไปขึ้นเงินจากธนาคารได้เพราะเช็คนั้นย่อมโอนเปลี่ยนมือกันได้ ฉะนั้นเมื่อโจทก์ผู้ทรงเช็คพิพาท เรียกเก็บเงินจากธนาคารไม่ได้ จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยเพราะโจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 904 จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็ค จะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คตามมาตรา 900 ในการฟ้องคดี โจทก์ไม่จำเป็นจะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คมาอย่างไร จำเลยให้การกล่าวอ้างว่า โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ไม่ได้กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร เป็นการคลุมเครือ ทั้งจำเลยมิได้นำสืบถึงข้ออ้างนี้ด้วย ที่จำเลยอ้างว่าออกเช็คเป็นการชำระค่าปอที่ซื้อจากห้างหุ้นส่วนจำกัดทวีแสงไทยอุดร ก็เรียกได้ว่ามีมูลหนี้แล้ว เมื่อจำเลยออกเช็คเป็นการชำระหนี้ เช็คมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ในฐานะผู้ทรงโดยชอบตามกฎหมาย จำเลยไม่มีเหตุจะยกขึ้นอ้างเพื่อไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คได้ จำเลยต้องรับผิดตามเช็ค ถึงหากห้างหุ้นส่วนจำกัดทวีแสงไทยอุดรจะผิดสัญญาไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพัน จำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้ แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับห้างหุ้นส่วนจำกัดทวีแสงไทยอุดรขึ้นต่อสู้โจทก์มิได้ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล พิพากษายืน.

Share