คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อที่ว่า ยอมให้ผู้ให้เช่าซื้อริบเงินที่ค้างชำระก็เท่ากับกำหนดเงินเบี้ยปรับหรือค่าเสียหายไว้ล่วงหน้า. หากเบี้ยปรับที่ริบนั้นสูงเกินส่วนก็ชอบที่จะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรแก่ความเป็นธรรมได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องพิมพ์ไปจากโจทก์ ราคา100,000 บาท จำเลยชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์เพียง 30,000 บาท จำเลยค้างชำระทุกงวด ๆ ละ 10,000 บาท เป็นเงิน 70,000 บาท โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ให้จำเลยส่งเครื่องพิมพ์และชำระเงิน 70,000 บาทกับดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง 19,279.08 บาท ฯลฯ จำเลยให้การว่า เครื่องพิมพ์ใช้การไม่ได้ตามสัญญา จำเลยต้องซื้อเครื่องมาซ่อมแซมเพิ่มเติมเป็นเงิน 30,000 บาท โจทก์ไม่มาซ่อมจำเลยจึงไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อ ฯลฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชระคดีตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เครื่องพิมพ์มิได้ชำรุดบกพร่องและฟังไม่ได้ว่าจำเลยจ่ายเงินค่าซ่อม 30,000 บาท และศาลฎีกาเห็นว่าข้อตกลงในสัญญาที่ยอมให้โจทก์ริบเงินที่ค้างชำระนั้น ก็เท่ากับกำหนดเงินเบี้ยปรับหรือค่าเสียหายไว้ล่วงหน้า หากเบี้ยปรับที่ริบนั้นสูงเกินส่วน ก็ชอบที่จะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรแก่ความเป็นธรรมก็ได้ เห็นว่าโจทก์ขาดประโยชน์ค่าเช่าที่ควรได้จากเครื่องพิมพ์ซึ่งมีราคาตามสัญญาเช่าซื้อ 100,000 บาท (โดยรับชำระไว้แล้ว 30,000 บาท) เป็นเวลา 50 เดือน เป็นเงิน 40,000 บาท ก็เหมาะสมกับความยุติธรรม เนื่องจากโจทก์ละเลยไม่เสนอคดีต่อศาล ทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น เทียบคำพิพากษาฎีกาซึ่งวินิจฉัยดดยที่ประชุมใหญ่ที่ 1195/2511 เฉพาะที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกัน บังคับให้จำเลยใช้เงิน 89,279.08 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 70,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงิน 40,000 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 40,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share