แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สำหรับปืน ปลอกกระสุนปืนและเม็ดตะกั่วของกลางนั้น. เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นของที่จำเลยใช้กระทำผิด.แม้จะเป็นปืนที่ไม่มีทะเบียน. และในขณะฟ้องตลอดจนเมื่อศาลชั้นต้นตัดสินลงโทษ จะเป็นทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดให้ริบเสียสิ้น. ไม่ว่าจะเป็นของผู้กระทำความผิดและมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32. แต่เมื่อคดีมาสู่ศาลอุทธรณ์และอยู่ระหว่างพิจารณา ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2510 มาตรา 5. ยอมให้ผู้มีอาวุธปืน กระสุนปืนฯ. โดยไม่ได้รับอนุญาต.นำไปขอรับอนุญาตได้ภายใน 90 วัน. โดยผู้นั้นไม่ต้องได้รับโทษ. ต้องถือว่าในระหว่างนั้น กฎหมายยกเว้นโทษให้แก่ผู้มีอาวุธปืน กระสุนปืนฯ. โดยไม่ได้รับอนุญาต. แม้เป็นเรื่องที่ถูกฟ้องและศาลลงโทษไปก่อนใช้พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ดังกล่าวแล้วก็ตามศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษาคืนของกลางให้เจ้าของไปได้. และแม้จะได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภายหลังระยะเวลา 90 วันตามที่กฎหมายกำหนดไว้. ก็หาทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียไปไม่.
อนึ่งคดีนี้ศาลอุทธรณ์อ้างบทมาตราของพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ข้างต้นผิด.แต่ก็ไม่เป็นเหตุให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผลผู้เสียหายเพียงได้รับอันตรายแก่กายสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน และจำเลยบังอาจมีอาวุธปืนลูกซองสั้นชนิดทำเองไม่มีเครื่องหมายทะเบียน 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 1 นัด โดยไม่ได้รับอนุญาต ฯ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 กับให้ริบของกลาง จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา นายพ่วง รักษายศ ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยได้มีอาวุธปืนลูกซองสั้นไม่มีทะเบียนพร้อมกระสุน 1 นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้ใช้อาวุธปืนนี้ยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าจริงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องแต่ให้ลงโทษตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นบทหนักประกอบมาตรา 80 ให้จำคุกมีกำหนด 10 ปี ของกลางริบ จำเลยอุทธรณ์ ครอบคลุมถึงทั้งสองข้อหา ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังเป็นที่สงสัย ควรยกประโยชน์แห่งข้อสงสัยให้เป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง อนึ่งในเรื่องปืน ปลอกกระสุนปืนและเม็ดตะกั่วของกลางนั้นวินิจฉัยว่ายังฟังไม่ได้ว่าเป็นของที่จำเลยใช้กระทำผิด แม้จะเป็นปืนไม่มีทะเบียน พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 6บัญญัติผ่อนผันไม่ต้องรับโทษ จึงให้คืนเจ้าของไป โจทก์ฎีกาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังเป็นที่สงสัย ควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย สำหรับปืน ปลอกกระสุนปืนและเม็ดตะกั่วของกลางนั้น ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นของที่จำเลยใช้กระทำผิด แม้จะเป็นปืนที่ไม่มีทะเบียน และในขณะฟ้องตลอดจนเมื่อศาลชั้นต้นตัดสินลงโทษ จะเป็นทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นของผู้กระทำความผิดและมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 แต่เมื่อคดีมาสู่ศาลอุทธรณ์และอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 5 ยอมให้ผู้มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน ฯ ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต นำไปขอรับอนุญาตได้ภายใน 90 วัน โดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ความในมาตรานี้จึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดจะต้องรับโทษนำอาวุธปืนมาจดทะเบียนเสียภายในกำหนดเวลากฎหมายก็ยกเว้นโทษให้จึงต้องถือว่าในระหว่างนั้นกฎหมายยกเว้นโทษแก่ผู้มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้เป็นเรื่องที่ถูกฟ้องและศาลลงโทษไปก่อนใช้พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ดังกล่าวก็ตาม ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษาคืนของกลางให้เจ้าของได้ และแม้จะได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภายหลังระยะเวลา 90 วันตามที่กฎหมายอนุญาตไว้นั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ก็หาทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียไปไม่ ศาลฎีกาจึงพิจารณาแต่เพียงว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถูกต้องหรือไม่ประการใด โดยเฉพาะคดีนี้ศาลอุทธรณ์อ้างมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ (ฉบับที่ 4)พ.ศ. 2510 ซึ่งเป็นบทบัญญัติสำหรับผู้มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน ฯไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่อาจอนุญาตได้ตามกฎหมาย แต่อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางในคดีนี้เป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่อาจอนุญาตได้ตามกฎหมาย กรณีจึงต้องด้วยมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ดังกล่าวแล้ว ศาลอุทธรณ์อ้างบทผิด แต่ก็ไม่เป็นเหตุให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงประการใด เพราะแม้จะเป็นอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ฯ ที่ไม่ได้รับอนุญาตและไม่อาจอนุญาตได้ตามกฎหมาย ถ้าได้นำมามอบให้นายทะเบียนภายใน 90 วัน ผู้นั้นก็จะไม่ต้องรับโทษเช่นเดียวกันฉะนั้น ผลแห่งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ไม่ริบของกลาง คือให้คืนเจ้าของไป จึงเป็นการถูกต้องด้วยตัวบทกฎหมายที่มีอยู่ในเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีแล้ว ศาลฎีกาไม่มีอะไรจะแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 889/2503 คดีระหว่างพนักงานอัยการ จังหวัดตาก โจทก์ นายไม้ คำโต ที่ 1 นายบาง พานะสุขที่ 2 จำเลย พิพากษายืน แต่ไม่ริบปืนของกลาง.