แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อทำสัญญาเช่าซื้อรถพิพาทแล้ว. จำเลยเอารถมาใช้รับส่งเด็กนักเรียนของจำเลย. ได้เขียนเครื่องหมายอักษรย่อชื่อโรงเรียนไว้ที่กระจกท้ายรถตลอดมา จนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปยึดเอามา. แต่ที่กระจกหน้ารถมีกระดาษวงกลมของนายทะเบียนยานพาหนะระบุชื่อผู้เป็นเจ้าของรถ. และทะเบียนรถมีอยู่ที่กองทะเบียนยานพาหนะก็ลงว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถ.ดังนี้ แม้รถจะอยู่ในความครอบครองหรืออำนาจสั่งการในธุรกิจของจำเลยด้วยความยินยอมของผู้ร้อง ตามพฤติการณ์ยังไม่ทำให้เห็นว่าจำเลยเป็นเจ้าของรถ เพราะป้ายทะเบียนวงกลมของนายทะเบียนยานพาหนะยังแสดงให้ประจักษ์แก่คนทั้งหลายว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถ. ส่วนตราอักษรชื่อย่อของโรงเรียนเขียนไว้ที่กระจกด้านหลังรถก็เป็นเพียงแสดงให้รู้ว่าเป็นรถรับส่งนักเรียนโรงเรียนใดเท่านั้น. ไม่ได้ระบุว่าโรงเรียนเป็นเจ้าของรถ. แม้ที่รถมีทั้งป้ายวงกลมของกองทะเบียนและตราอักษรย่อชื่อโรงเรียนดังกล่าวอยู่ด้วย. ผู้เห็นจะต้องเข้าใจว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถมากกว่าจะคิดว่าโรงเรียนเป็นเจ้าของ. และที่ผู้ร้องผู้เป็นเจ้าของรถอันแท้จริงยอมให้รถอยู่ในความครอบครองใช้สอยของจำเลย ก็เกิดจากสัญญาเช่าซื้อ. พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมไม่ทำให้เห็นว่าจำเลยผู้ล้มละลายเป็นเจ้าของรถพิพาท. อันจะทำให้รถพิพาทตกเป็นทรัพย์สินในกองล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 109(3).
ย่อยาว
ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายแล้ว ระหว่างพิทักษ์ทรัพย์จำเลยชั่วคราว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ยึดรถยนต์ดัทสัน เลขทะเบียนก.ท.ว.10415 พร้อมยางในยางนอก ผู้ร้องร้องว่ารถยนต์และยางเป็นของผู้ร้องให้จำเลยเช่าซื้อมา ขณะยึดจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อกรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ร้องตามสัญญาเช่าซื้อ ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดผิดสัญญาให้ถือว่าสัญญาเลิกกัน ขอให้ถอนการยึด เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์คัดค้าน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีคำสั่งตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 158 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้การว่า ผู้ร้องได้มอบรถยนต์ไว้ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เก็บไว้ที่โรงเรียนซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของใช้รถยนต์รับส่งนักเรียน กระจกด้านหลังรถมีชื่อโรงเรียนติดอยู่ บุคคลภายนอกย่อมเห็นและเข้าใจว่าจำเลยที่ 1เป็นเจ้าของหรืออยู่ในอำนาจสั่งการของจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของหรืออยู่ในอำนาจสั่งการของจำเลยที่ 1 ผู้ร้องปล่อยรถให้อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 รถยนต์ตกเป็นทรัพย์สินในกองล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 109(3) ศาลชั้นต้นสั่งให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดคืนผู้ร้อง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโรงเรียนพงษ์สุภัทร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2508 จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทจากบริษัทผู้ร้องได้ชำระเงินในวันทำสัญญา 12,000 บาทที่เหลือจะต้องชำระต่อไปเป็นงวด 20 งวด ๆ ละ 2,000 บาทต่อเดือนแต่จำเลยที่ 1 ไม่เคยชำระเงินตามงวดให้แก่ผู้ร้องเลย เมื่อทำสัญญาเช่าซื้อแล้วจำเลยที่ 1 ได้เอารถมาใช้รับส่งเด็กนักเรียนโรงเรียนพงษ์สุภัทรของจำเลยที่ 1 และได้เขียนเครื่องหมายอักษรย่อ พ.ส.ภ.ชื่อย่อของโรงเรียนไว้ที่กระจกท้ายรถตลอดมาจนกระทั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปยึดเอามา แต่ที่กระจกหน้ารถมีกระดาษวงกลมของนายทะเบียนยานพาหนะระบุชื่อผู้เป็นเจ้าของรถ กระดาษวงกลมของกองทะเบียนยานพาหนะนี้ระบุชื่อบริษัทผู้ร้องเป็นเจ้าของรถ และทะเบียนรถมีอยู่ที่กองทะเบียนยานพาหนะก็ลงว่าบริษัทผู้ร้องเป็นเจ้าของรถคันนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้รถยนต์จะอยู่ในความครอบครองหรืออำนาจสั่งการในธุรกิจของจำเลยที่ 1 ด้วยความยินยอมของผู้ร้องผู้เป็นเจ้าของรถอันแท้จริง แต่ตามพฤติการณ์ก็ยังไม่ทำให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถเพราะป้ายทะเบียนวงกลมของนายทะเบียนยานพาหนะยังแสดงให้ประจักษ์แก่คนทั้งหลายว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของแม้ทะเบียนรถยนต์จะเป็นเพียงหลักฐานแสดงการเสียภาษีไม่ใช่หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ก็ตาม แต่ทะเบียนรถยนต์ก็เป็นสิ่งแสดงให้คนทั้งหลายรู้ในเบื้องต้นว่าใครควรจะเป็นเจ้าของรถ ส่วนตราอักษรชื่อย่อของโรงเรียนพงษ์สุภัทรเขียนไว้ที่กระจกด้านหลังรถ ก็เป็นเพียงแสดงให้รู้ว่าเป็นรถรับส่งนักเรียนโรงเรียนใดใดเท่านั้น ไม่ได้ระบุไว้เลยว่าโรงเรียนเป็นเจ้าของรถ แม้ที่รถมีทั้งป้ายวงกลมของกองทะเบียนและตราอักษรย่อชื่อโรงเรียนดังกล่าวอยู่ด้วยกัน ก็เชื่อว่าผู้เห็นจะต้องเข้าใจว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถมากกว่าจะคิดว่าโรงเรียนเป็นเจ้าของ และที่ผู้ร้องผู้เป็นเจ้าของแท้จริงย่อมให้รถอยู่ในความครอบครองใช้สอยของจำเลยที่ 1 ก็เกิดจากสัญญาเช่าซื้อ พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมไม่ทำให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ผู้ล้มละลายเป็นเจ้าของรถยนต์คันพิพาท พิพากษายืน.