คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2740/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์เขียนนามบัตรมอบให้ ป. ไปเก็บเงินจากจำเลยที่ 1 มีข้อความว่า “เรียนคุณ ส.(จำเลยที่ 1) เรื่องเงินที่คุณกู้ไปนั้นขอให้ฝากคุณ ป. ไปให้ผมตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝากคุณ ป.ไปด้วย ถ้าจะชำระให้ทั้งหมดก็แจ้งให้ผมไปรับเอง ถ้าจะผ่อนชำระผมให้คุณ ป. มารับจากคุณและเขียนหนังสือบอกผมด้วย” เอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานเป็นหนังสือตั้ง ป. เป็นตัวแทนโจทก์ในการรับชำระหนี้เงินกู้รายนี้จากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ให้ป. ตัวแทนโจทก์โดยการผ่อนชำระหลายครั้งมิได้ชำระให้ทั้งหมดเพียงครั้งเดียว เป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขของโจทก์ที่วางไว้โดยถูกต้องตามข้อความที่ว่าถ้าจะผ่อนชำระโจทก์ให้ ป. มารับจากจำเลยที่ 1 ส่วนข้อความในนามบัตรที่ว่าตกลงอย่างไรให้เขียนหนังสือฝาก ป. ไปด้วยก็ดี และเขียนหนังสือบอกโจทก์ด้วยก็ดี เป็นเพียงคำขอร้อง ของ โจทก์มีถึงจำเลยที่ 1 มากกว่า มิใช่เงื่อนไขการมอบอำนาจให้ ป. รับชำระหนี้แทนโจทก์แต่อย่างใด ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้โจทก์ให้ ป. โดยมิได้เขียนหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบจึงเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์โดยชอบแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์จำนวน 18,400 บาท ตกลงดอกเบี้ยชั่งละ 1 บาทต่อเดือน ชำระคืนภายในเดือนพฤษภาคม 2523โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระต้นเงิน18,400 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราชั่งละ 1 บาทต่อเดือน
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ได้กู้เงินโจทก์ตามฟ้องจริงแต่ได้ชำระให้โจทก์ครบถ้วนตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2524 แล้วโดยโจทก์มีหนังสือมอบให้นางปราณีมารับเงินไปจากจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และฟ้องโจทก์ขาดอายุความจำเลยที่ 2 ไม่ได้ค้ำประกันเงินกู้ต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำฟ้อง คำให้การและข้อนำสืบของโจทก์และจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.5 จริงเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2523 โจทก์เขียนนามบัตรเอกสารหมาย ล.1 มอบให้นางปราณีไปเก็บเงินจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินให้นางปราณีหลายครั้งจนครบถ้วน นางปราณีได้ลงลายมือชื่อรับเงินไว้ด้วยตามเอกสารหมายล.3 คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยที่ 1ได้ปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์โดยชอบแล้วหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว เอกสารหมาย ล.1 มีข้อความว่า “เรียนคุณสลับผลาทิพย์ (จำเลยที่ 1) เรื่องเงินที่คุณกู้ไปนั้น ขอให้ฝากคุณปราณีไปให้ผม ตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝากคุณปราณีไปด้วย ถ้าจะชำระให้ทั้งหมดก็แจ้งให้ผมไปรับเองถ้าจะผ่อนชำระผมให้คุณปราณีมารับจากคุณและเขียนหนังสือบอกผมด้วย” เห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานเป็นหนังสือตั้งนางปราณีเป็นตัวแทนโจทก์ในการรับชำระหนี้เงินกู้รายนี้จากจำเลยที่ 1 และได้ความตามเอกสารหมาย ล.3 ว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ให้นางปราณีตัวแทนโจทก์โดยการผ่อนชำระหลายครั้งมิได้ชำระให้ทั้งหมดเพียงครั้งเดียว เป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขของโจทก์ที่วางไว้โดยถูกต้องตามข้อความที่ว่าถ้าจะผ่อนชำระโจทก์ให้นางปราณีมารับจากจำเลยที่ 1 ส่วนข้อความในเอกสารหมาย ล.1ที่ว่า ตกลงอย่างไรเขียนหนังสือฝากคุณปราณีไปด้วยก็ดี และเขียนหนังสือบอกผมด้วยก็ดี ข้อความดังกล่าวเป็นเพียงคำขอร้องของโจทก์มีถึงจำเลยที่ 1 มากกว่า มิใช่เป็นเงื่อนไขในการมอบอำนาจให้นางปราณีรับชำระหนี้แทนโจทก์แต่อย่างใด ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้โจทก์ให้นางปราณีโดยมิได้เขียนหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบ จึงเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ให้โจทก์โดยชอบธรรมแล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า การชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 มิได้รับสัญญากู้ยืมเงินคืนจากโจทก์เป็ฯการชำระหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นศาลฎีกาเห็นว่า เอกสารหมาย ล.3 ระบุไว้ชัดแจ้งว่านางปราณีตัวแทนของโจทก์ได้รับชำระหนี้เงินกู้จากจำเลยที่ 1 ครบถ้วนตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2524 แล้วโดยนางปราณีลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน จึงเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อตัวแทนของโจทก์ผู้ให้กู้ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้เงินกู้ยืมให้โจทก์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสองแล้วไม่จำต้องรับเวนคืนสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์อีก ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share