คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2694/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ห้างหุ้นส่วนจำกัดโจทก์มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการค้าพืชผลทางการเกษตรทุกชนิด ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการโรงสีข้าว โจทก์ได้นำข้าวเปลือกไปมอบให้จำเลยที่ 1 ไว้และให้สิทธิจำเลยที่ 1 แปรสภาพเป็นข้าวสารออกขายได้หากโจทก์มีความประสงค์ต้องการขายข้าวเปลือกเมื่อใดจำเลยที่ 1จะใช้ราคาเป็นเงินสด โดยคิดราคาข้าวเปลือกชนิดและประเภทเดิมในปริมาณเดียวกัน ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการให้กรรมสิทธิ์ในข้าวเปลือกตกเป็นของจำเลยที่ 1 แล้ว เพียงแต่จะคิดราคากันในภายหลังเท่านั้นและต้องใช้ราคาโดยไม่ต้องคืนทรัพย์ที่รับไว้ จึงเป็นการซื้อขายวิธีหนึ่งไม่ใช่รับฝากทรัพย์ ไม่นอกวัตถุประสงค์ของโจทก์และจำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการค้าพืชผลทางการเกษตรทุกชนิดมีนางเซาะฮุย ศรีปัญญาวิญญู เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 1เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด ประกอบกิจการโรงสีข้าวมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้ถอนตัวออกจากการเป็นหุ้นส่วน โดยมีจำเลยที่ 3 เข้าลงหุ้นแทนที และเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแทน เมื่อระหว่างวันที่ 4 มกราคม ถึงวันที่ 4กุมภาพันธ์ 2529 จำเลยที่ 1 ได้รับมอบข้าวเปลือกหอมมะลิไปจากโจทก์จำนวน 28 คันรถบรรทุก น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 169,636 กิโลกรัมโดยมีข้อตกลงกันว่า ข้าวเปลือกที่เก็บไว้นั้นจำเลยมีสิทธิที่จะสีเป็นข้าวสารนำออกขายได้ และหากโจทก์บอกกล่าวว่าจะขายเมื่อใดจำเลยที่ 1 จะชดใช้ราคาให้เป็นเงินสดตามราคาข้าวเปลือกในท้องตลาดขณะนั้น ต่อมาเมื่อเดือนสิงหาคม 2529 ข้าวเปลือกหอมมะลิมีราคาสูงขึ้น ซื้อขายกันในท้องตลาดประมาณกิโลกรัมละ 3 บาท โจทก์จึงแจ้งแก่จำเลยที่ 1 ว่าต้องการขายข้าวทั้งหมด ซึ่งคำนวณราคาเป็นเงินประมาณ 500,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 เพิกเฉยไม่ยอมชำระเงินขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะการฝากข้าวอยู่นอกเหนือขอบวัตถุประสงค์ของโจทก์และจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่โจทก์มอบข้าวเปลือกไว้กับจำเลยที่ 1และให้สิทธิจำเลยที่ 1 แปรสภาพเป็นข้าวสารออกขายเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของโจทก์และจำเลยที่ 1 หรือไม่ ตามทางนำสืบของโจทก์ได้ความว่า โจทก์ได้นำข้าวเปลือกจำนวน 28 คันรถน้ำหนัก 169,636กิโลกรัม ไปมอบให้จำเลยที่ 1 ไว้และให้สิทธิจำเลยที่ 1 แปรสภาพเป็นข้าวสารออกขายได้ หากโจทก์มีความประสงค์ต้องการขายข้าวเปลือกดังกล่าวเมื่อใดจำเลยที่ 1 จะใช้ราคาเป็นเงินสด โดยคิดราคาข้าวเปลือกชนิดและประเภทเดิมในปริมาณเดียวกัน เห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นการให้กรรมสิทธิ์ในข้าวเปลือกตกเป็นของจำเลยแล้วเพียงแต่จะคิดราคากันในภายหลังเท่านั้น และต้องใช้ราคาโดยไม่ต้องคืนทรัพย์ที่รับไว้ จึงเป็นการซื้อขายวิธีหนึ่งหาใช่รับฝากทรัพย์ไม่ไม่นอกวัตถุประสงค์ของโจทก์และจำเลยที่ 1 โจทก์มีอำนาจฟ้อง”
พิพากษายืน

Share