คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสี่บรรยายฟ้องถึงสาเหตุที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสี่ประการแรกว่า โดย โจทก์ทั้งสี่ไม่มีความผิด และสาเหตุประการที่สองว่าเป็นนโยบายของจำเลย และไม่แจ้งเหตุผลให้โจทก์ทั้งสี่ทราบและโจทก์ทั้งสี่ยังได้บรรยายฟ้องต่อไปอีกว่า การเลิกจ้างดังกล่าวจึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์ทั้งสี่ได้รับความเสียหาย เป็นฟ้องที่บรรยายโดย แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ไม่เคลือบคลุม การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจักต้องพิเคราะห์ว่า มีสาเหตุเพียงพอที่จะเลิกจ้างได้หรือไม่เป็นประการสำคัญ ซึ่งพิจารณาได้จาก2 ฝ่าย คือ สาเหตุจากลูกจ้างฝ่ายหนึ่ง และสาเหตุจากนายจ้างอีกฝ่ายหนึ่ง การที่ศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยไว้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสี่โดย มิใช่สาเหตุเพราะโจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นลูกจ้างมีความผิด และมิใช่สาเหตุเนื่องจากเกิดวิกฤติ ในทางการค้าของจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างนั้น เป็นคำวินิจฉัยที่ได้แสดงเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยไว้ชัดแจ้งชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสี่สำนวนฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสี่เป็นลูกจ้างจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสี่ โดย โจทก์ทั้งสี่ไม่มีความผิด จำเลยอ้างเหตุว่าเป็นนโยบายของจำเลย และไม่แจ้งเหตุผลให้โจทก์ทั้งสี่ทราบ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยและค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสี่
จำเลยทั้งสี่สำนวนให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสี่เพราะจำเลยประสบปัญหาในการทำงานทั้งด้านผลิตสินค้า การขนส่งตลอดจนโกดังเก็บรักษาสินค้า จำเลยจึงต้องลดจำนวนพนักงานลงฟ้องโจทก์เคลือบคลุมมิได้บรรยายให้แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่จะอาศัยเป็นหลักว่าเหตุใดโจทก์จึงเสียหายเป็นเงิน50,000 บาท 70,000 บาท 70,000 บาท และ 100,000 บาทขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การเลิกจ้างหรือให้ลูกจ้างออกจากงานของจำเลยน่าจะเป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการบริษัทจำเลยที่ต้องการปลดคนงานออกให้เหลือเพียงพอกับปริมาณในการผลิต มิใช่เป็นเพราะโจทก์ทั้งสี่มีความผิด หรือเนื่องจากเกิดวิกฤติ ในทางการค้าของจำเลย ทั้งนี้เพราะปรากฏว่า จำเลยได้ไปตั้งโรงงานผลิตสินค้าชนิดเดียวกันที่นิคมอุตสาหกรรมบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดย ใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยซึ่งใช้คนงานจำนวนน้อยการเลิกจ้างของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสี่ตกงาน ขาดรายได้และไม่สามารถจะไปทำงานที่อื่นได้ การเลิกจ้างของจำเลยจึงไม่เป็นธรรมต่อโจทก์ทั้งสี่ และฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสี่ จำเลยทั้งสี่สำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “จำเลยอุทธรณ์ข้อแรกว่าคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางขาดเหตุผลประกอบคำวินิจฉัยว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสี่โดย ไม่เป็นธรรมนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม นั้น จักต้องพิเคราะห์ว่ามีสาเหตุเพียงพอที่จะเลิกจ้างได้หรือไม่เป็นประการสำคัญ ซึ่งสาเหตุดังกล่าวนั้นพิจารณาได้จาก 2 ฝ่าย คือสาเหตุจากลูกจ้างฝ่ายหนึ่ง และสาเหตุจากนายจ้างอีกฝ่ายหนึ่ง สำหรับคดีนี้ศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสี่โดย มิใช่สาเหตุเพราะโจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นลูกจ้างมีความผิด และมิใช่สาเหตุเนื่องจากเกิดวิกฤติ ในทางการค้าของจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างดังนี้ ถือว่าคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางได้แสดงเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยไว้ชัดแจ้งชอบด้วยกฎหมายแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
จำเลยอุทธรณ์อีกข้อหนึ่งว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ทั้งสี่บรรยายฟ้องถึงสาเหตุที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสี่ประการแรกว่า โดย โจทก์ทั้งสี่ไม่มีความผิดและสาเหตุประการที่สองว่าเป็นนโยบายของจำเลย และไม่แจ้งเหตุผลให้โจทก์ทั้งสี่ทราบและโจทก์ทั้งสี่ยังได้บรรยายฟ้องต่อไปอีกว่าการเลิกจ้างดังกล่าวจึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์ทั้งสี่ได้รับความเสียหาย คำฟ้องของโจทก์ทั้งสี่เช่นนี้เป็นฟ้องที่บรรยายโดย แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ทั้งสี่ไม่เคลือบคลุมจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน

Share