คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2190/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 รับจ้างเทศบาลจำเลยที่ 1 ก่อสร้างทางระบายน้ำจำเลยที่ 2 ขุดดินวางท่อระบายน้ำตามแนวที่วิศวกรผู้ควบคุมงานของจำเลยที่ 1 กำหนดให้โดยแนวอยู่ห่างจากต้นหางนกยูงเพียงประมาณ20 เซนติเมตร มีการตัดรากของต้นหางนกยูงด้านที่อยู่ใกล้กับบ่อพักท่อระบายน้ำนั้นออก ต้นหางนกยูงมีลำต้นขึ้นเอียงไปทางถนนโดยทำมุมกับถนนประมาณ 45 ถึง 60 องศา ก่อนเกิดเหตุแล้วและไม่มีรากแก้วคงมีแต่รากฝอยการที่จำเลยที่2ตัดรากของต้นหางนกยูงด้านที่อยู่ติดกับบ่อพักน้ำโดยที่ต้นหางนกยูงเอียงไปทางถนนทำมุมกับถนนอยู่แล้ว จำเลยที่ 2 ควรจะคาดเห็นได้ว่าจะทำให้ต้นหางนกยูงล้มลงได้ แต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้หาทางป้องกันมิให้ต้นหางนกยูงล้มลง การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นความประมาทที่ต้นหางนกยูงล้มทับผู้ตายทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา จึงเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 2 เป็นการละเมิด วิศวกรผู้ควบคุมงานของจำเลยที่ 1 เป็นผู้กำหนดแนววางท่อระบายน้ำให้จำเลยที่ 2 โดยกำหนดแนวให้อยู่ห่างจากต้นหางนกยูงที่ล้มลงเพียงเล็กน้อย เป็นผลให้การขุดดินวางท่อระบายน้ำของจำเลยที่2 ต้องตัดรากของต้นหางนกยูงที่ล้มลงออกด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ก่อสร้างวางท่อระบายน้ำเป็นผู้ผิดในคำสั่งที่จำเลยที่ 1 ให้ไว้และต้องร่วมกับจำเลยที่ 2รับผิดเพื่อความเสียหายที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้นด้วย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของนางสุธารัตน์ แจ่มยิ่ง โจทก์ที่ 2 และที่ 3 เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ที่ 1 กับนางสุธารัตน์ โจทก์ที่ 4 เป็นมารดาของนางสุธารัตน์ จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติเทศบาลพ.ศ. 2496 จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดมีจำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 1 ว่าจ้างจำเลยที่ 2ก่อสร้างทางระบายน้ำบริเวณติดถนนธรรมโชติในเขตเทศบาลเมืองสิงห์บุรี จำเลยทั้งสามดำเนินการก่อสร้างดังกล่าวโดยความประมาทโดยจำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่า การก่อสร้างทางระบายน้ำจะต้องทำการขุดที่ดินริมถนนธรรมโชติ ซึ่งมีต้นหางนกยูงขนาดใหญ่ปลูกติดอยู่กับแนวทางที่จะทำทางระบายน้ำหลายต้นจะทำให้ต้นหางนกยูงโค่นล้มได้ เนื่องจากรากต้นหางนกยูงไม่มีดินที่จะยึดเกาะ จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 3 ตัดรากต้นหางนกยูงบริเวณดังกล่าวเพื่อทำทางระบายน้ำโดยจำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่าราก ของต้นหางนกยูงมีความสำคัญในการที่จะเกาะดินเพื่อพยุงต้นไว้มิให้โค่นล้ม จำเลยทั้งสามหาได้ใช้ความระมัดระวังใช้ไม้มาค้ำยันต้นหางนกยูงเพื่อป้องกันมิให้ต้นหางนกยูงโค่นล้มลง เป็นเหตุให้ต้นหางนกยูงต้นหนึ่งริมถนนธรรมโชติตรงข้ามโรงเรียนวัดพรหมสาครซึ่งอยู่ในแนวที่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 3 ดำเนินการก่อสร้างทางระบายน้ำโค่นล้มทับนางสุธารัตน์ในขณะที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่นายถวัลย์ บำเพ็ญ ขับมาในวันที่ 7 สิงหาคม 2527 ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตายในวันถัดมา ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินให้โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 3 รับเหมาก่อสร้างทางระบายน้ำจากจำเลยที่ 1 ตามสัญญาจ้าง จำเลยที่ 2 และที่ 3ไม่ได้กระทำโดยประมาท ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 รับจ้างทำทางระบายน้ำและได้ทำถูกต้องตามแบบของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2และที่ 3 ไม่ได้ตัดรากต้นหางนกยูง หรือขุดดินที่โคนต้นหางนกยูงอันเป็นเหตุให้ต้นหางนกยูงโค่นล้ม การทำงานของจำเลยที่ 2 และที่ 3 อยู่ในความควบคุมของนายช่างของจำเลยที่ 1 ตลอดเวลาทำงานขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน484,800 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 476,310 บาท พร้อมดอกเบี้ยและให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 โจทก์ทั้งสี่และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้เป็นยุติว่าโจทก์ที่ 1 เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของนางสุดารัตน์ แจ่มยิ่งผู้ตายโจทก์ที่ 2 และที่ 3 อายุ 7 และ 5 ขวบตามลำดับเป็นบุตรของโจทก์ที่ 1 และผู้ตาย โจทก์ที่ 4 เป็นมารดาของผู้ตาย เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2527 จำเลยที่ 2 ประมูลงานก่อสร้างวางท่อระบายน้ำรวม 3 โครงการ คือ งานก่อสร้างวางท่อระบายน้ำถนนศรีพรหมโสภิตถนนขุนสรรค์และถนนธรรมโชติจากจำเลยที่ 1 ได้ จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 2 ให้ทำการก่อสร้างวางท่อระบายน้ำดังกล่าวตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย ล.8 วันที่ 12 กรกฎาคม 2527 จำเลยที่ 2ลงมือก่อสร้างวางท่อระบายน้ำถนนธรรมโชติตามแบบแปลนที่จำเลยที่ 1กำหนดตามผังและแนวก่อสร้างที่วิศวกรผู้ควบคุมงานของจำเลยที่ 1กำหนดให้ แนวการก่อสร้างวางท่อระบายน้ำริมถนนธรรมโชติดังกล่าวอยู่ใกล้ต้นหางนกยูงหลายต้น และทำงานแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 27กรกฎาคม 2527 จำเลยที่ 1 รับมอบงานจากจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่31 กรกฎาคม 2527 ต่อมาวันที่ 7 สิงหาคม 2527 เวลาประมาณ 18 นาฬิกาต้นหางนกยูงริมถนนธรรมโชติบริเวณที่จำเลยที่ 2 ก่อสร้างวางท่อระบายน้ำดังกล่าวต้นหนึ่งโค่นล้มลงมาทับผู้ตายขณะนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่นายถวัลย์ บำเพ็ญ ขับมาตามถนนธรรมโชติเพื่อกลับบ้าน เป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตายในวันรุ่งขึ้น ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2528 ต้นหางนกยูงบริเวณที่มีการวางท่อระบายน้ำริมถนนธรรมโชติได้โค่นล้มลงมาอีกต้นหนึ่งหลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ได้ตัดต้นหางนกยูงริมถนนธรรมโชติที่เหลือออกทั้งหมด
กรณีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสี่และจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยทั้งสามได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสี่หรือไม่ที่โจทก์ทั้งสี่ฎีกาว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสี่ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ทั้งสี่ และจำเลยที่ 1ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 มิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสี่นั้น ในปัญหานี้โจทก์มีนายถวัลย์ บำเพ็ญ นายดาบตำรวจทองดี มีนะพงษ์ บิดาผู้ตายนายสมชาย ขำทรง ซึ่งมีบ้านพักอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และร้อยตำรวจเอกสมาน กฤตศิลป์ พนักงานสอบสวนคดีที่ผู้ตายถึงแก่ความตายเบิกความเป็นพยาน โดยนายถวัลย์เบิกความว่า ในวันเกิดเหตุเวลา 18 นาฬิกาผู้ตายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายถวัลย์ไปตามถนนธรรมโชติเพื่อกลับบ้าน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุต้นหางนกยูงต้นหนึ่งล้มลงมาทับนายถวัลย์และศีรษะผู้ตาย นายถวัลย์ได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ตายหมดสติลง มีผู้ช่วยเหลือนำนายถวัลย์และผู้ตายส่งโรงพยาบาลนายแพทย์ประเจิด วีรพจน์ รถจักรยานยนต์ของนายถวัลย์ถูกต้นหางนกยูงทับอยู่ในที่เกิดเหตุตามภาพถ่ายหมาย จ.14 ผู้ตายได้รับการผ่าตัดสมองแล้วถึงแก่ความตายในวันรุ่งขึ้น ก่อนเกิดเหตุมีการก่อสร้างวางท่อระบายน้ำในบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งมีต้นหางนกยูงปลูกอยู่ 5-6 ต้น มีอายุประมาณ 10 ปีขึ้นไป ต้นหางนกยูงในบริเวณดังกล่าวไม่เคยโค่นล้มลงมาก่อน สาเหตุที่ต้นหางนกยูงล้มลงทับผู้ตายถึงแก่ความตายนั้น พยานเข้าใจว่าเป็นเพราะรากของต้นหางนกยูงดังกล่าวถูกตัดออกเพราะแนวที่วางท่อระบายน้ำอยู่ติดกับโคนต้นหางนกยูงนั้นและในเดือนเดียวกันของปีต่อมาก็มีต้นหางนกยูงบริเวณที่เกิดเหตุล้มลงอีก 1 ต้น หลังจากนั้นต้นหางนกยูงบริเวณดังกล่าวได้ถูกตัดลงทั้งหมด นายดาบตำรวจทองดีเบิกความว่าถนนที่เกิดเหตุมีต้นหางนกยูงอยู่ประมาณ 8-9 ต้น แต่ละต้นมีอายุประมาณ 10 กว่าปี ก่อนเกิดเหตุไม่เคยเห็นต้นหางนกยูงบริเวณดังกล่าวล้มลง ก่อนเกิดเหตุมีการขุดทำท่อระบายน้ำและตัดรากต้นหางนกยูงต้นที่ล้มลง เพราะต้นหางนกยูงนั้นอยู่ติดกับแนวท่อระบายน้ำ ถ้าไม่มีการตัดรากต้นหางนกยูงดังกล่าวเฉพาะแถบที่จะมีการวางท่อระบายน้ำจะไม่สามารถวางท่อได้ พยานไปดูที่เกิดเหตุในวันเกิดเหตุพบต้นหางนกยูงล้มทับรถจักรยานยนต์อยู่ตามภาพถ่ายหมาย จ.14 รวม 5 ภาพ ที่รากของต้นหางนกยูงนั้นมีรอยถูกตัดนายสมชายเบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุ บริเวณที่เกิดเหตุมีการทำท่อระบายน้ำ ในการวางท่อดังกล่าวมีการขุดหลุมใกล้กับต้นหางนกยูงที่ล้มลง โดยแนวที่ขุดวางท่อระบายด้านใกล้กับต้นไม้อยู่ห่างจากต้นไม้ประมาณ 20 เซนติเมตร พยานเคยหยุดยืนดูการทำงานของผู้รับเหมาและทราบว่าในการขุดหลุมวางท่อระบายน้ำดังกล่าวเมื่อผ่านต้นหางนกยูงได้มีการตัดรากต้นไม้ดังกล่าวโดยใช้จอบและมีดเป็นเครื่องมือด้วย ก่อนเกิดเหตุไม่เคยมีต้นหางนกยูงล้มลงมา และหลังจากเกิดเหตุแล้วประมาณสิงหาคม 2528 มีต้นหางนกยูงล้มลงมาอีกต้นหนึ่ง หลังจากต้นหางนกยูงนั้นล้มลงแล้ว จำเลยที่ 1 ได้ตัดต้นหางนกยูงซึ่งอยู่ในแนวเดียวกันออกทั้งหมด และร้อยตำรวจเอกสมานเบิกความว่า ในวันเกิดเหตุพยานได้รับแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นแล้วได้ออกไปดูที่เกิดเหตุพบต้นหางนกยูงล้มทับรถจักรยานยนต์พยานได้ให้ถ่ายภาพที่เกิดเหตุไว้ตามภาพถ่ายหมาย จ.14 รวม 5 ภาพ พยานสังเกตเห็นรากของต้นหางนกยูงส่วนที่อยู่ใกล้กับท่อน้ำคล้ายมีรอยตัดที่ราก ส่วนจำเลยทั้งสามมีนายสมบัติ วิทย์สหมุนี วิศวกรโยธาของจำเลยที่ 1 ตัวจำเลยที่ 3 นายแก้ว โพธิ์แก้ว ผู้คุมงานของจำเลยที่ 2 และนายสนั่น เผาอินจันทร์ พนักงานขับรถบดถนนของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีบ้านพักอยู่ที่ถนนธรรมโชติใกล้ที่เกิดเหตุเบิกความเป็นพยาน โดยนายสมบัติเบิกความว่า พยานได้รับแต่งตั้งจากจำเลยที่ 1 ให้ทำหน้าที่ควบคุมงานก่อสร้างท่อระบายน้ำบริเวณถนนธรรมโชติซึ่งจำเลยที่ 2 รับเหมาก่อสร้างได้ พยานได้ควบคุมวางผังแนวท่อระบายน้ำดังกล่าว พยานพบว่าแนวที่จะวางท่อระบายน้ำมีเสาไฟฟ้าและต้นหางนกยูงขึ้นอยู่ พยานวางแนวท่อระบายน้ำห่างจากเสาไฟฟ้าโดยเฉลี่ย 1 เมตรเศษ และห่างจากต้นหางนกยูงโดยเฉลี่ยประมาณ 70 เซนติเมตร พยานเห็นว่าการวางท่อระบายน้ำห่างจากเสาไฟฟ้าและต้นหางนกยูงในระยะดังกล่าวมีความปลอดภัยเพียงพอแล้วโดยพิจารณาถึงสภาพของดินที่จะต้องขุดเพื่อวางท่อซึ่งเป็นดินแข็งจำเลยที่ 2ใช้แรงงานคนขุดดินเพื่อวางท่อระบายน้ำดังกล่าวโดยเครื่องมือที่ใช้ขุดเป็นพวกจอบเสียม การขุดดินเพื่อวางท่อไม่กระทบกระเทือนต้นหางนกยูง จำเลยที่ 2 ทำงานก่อสร้างท่อระบายน้ำดังกล่าวตามแบบแปลนที่กำหนดไว้เสร็จตามกำหนดและจำเลยที่ 1 ได้รับมอบงานแล้วหลังจากจำเลยที่ 2 มอบงานแล้วมีฝนและพายุพัดอย่างหนัก ต่อมาพยานทราบว่าต้นหางนกยูงบริเวณที่มีการขุดวางท่อระบายน้ำล้มลงทับผู้ตายพยานเข้าใจว่าที่ต้นหางนกยูงล้มลงนั้นเกิดจากฝนและพายุพัดแรง และเบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านว่า การวางท่อระบายน้ำทุกระยะ 6 เมตรต้องมีบ่อพักน้ำ แนวบ่อพักน้ำอยู่ห่างจากต้นไม้บริเวณนั้นประมาณ 70เซนติเมตร เช่นเดียวกัน ต้นหางนกยูงล้มทับรถจักรยานยนต์ตามภาพถ่ายหมายเลข จ.14 ต้นหางนกยูงที่ล้มอยู่ใกล้เคียงกับบ่อพักน้ำจำเลยที่ 3 เบิกความว่าคณะกรรมการตรวจการจ้างและวิศวกรผู้ควบคุมงานของจำเลยที่ 1 เป็นผู้กำหนดแนวการวางท่อระบายน้ำโดยได้มาชี้แนวการวางท่อระบายน้ำให้เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2527 เมื่อชี้แนวกันแล้ว จำเลยที่ 2 ใช้ปูนขาวมาโรยเป็นแนวเพื่อใช้ในการวางท่อระบายน้ำ แนวดังกล่าวอยู่ห่างจากต้นหางนกยูงริมถนนธรรมโชติประมาณ 1 เมตรและมีเสาไฟฟ้าอยู่ห่างจากแนววางท่อประมาณ 30 เซนติเมตรด้วย การขุดดินเพื่อวางท่อระบายน้ำของจำเลยที่ 2 นั้น จำเลยที่ 3ใช้แรงงานคนขุดเพราะมีแนวต้นไม้กีดขวางอยู่ตลอด การขุดดินเพื่อวางท่อระบายน้ำไม่ได้ตัดรากของต้นหางนกยูงต้นที่ล้มลงซึ่งก่อนล้มลำต้นขึ้นเอียงไปทางถนนเล็กน้อย ต้นหางนกยูงดังกล่าวไม่มีรากแก้ว คงมีแต่รากฝอยเท่านั้น นายแก้วเบิกความว่า พยานทำหน้าที่เป็นผู้คุมงานของจำเลยที่ 2 โดยมีหน้าที่ควบคุมงานไปตามแบบแปลนที่กำหนดไว้ และต้องอยู่ในความควบคุมงานของวิศวกรควบคุมงานของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เป็นผู้กำหนดแบบแปลนในการก่อสร้างงานวางท่อระบายน้ำและคณะกรรมการควบคุมการก่อสร้างของจำเลยที่ 1เป็นผู้กำหนดแนวก่อสร้างท่อระบายน้ำให้ คณะกรรมการได้ชี้แนวการวางท่อระบายน้ำริมถนนธรรมโชติให้เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2527พยานนำปูนขาวมาโรยไว้เป็นแนว แนวดังกล่าวอยู่ห่างจากต้นหางนกยูงริมถนนประมาณ 1 เมตร และมีเสาไฟฟ้าอยู่ห่างจากแนวดังกล่าวประมาณ30 เซนติเมตร พยานได้ใช้แรงงานคนขุดดินเพื่อวางท่อโดยใช้จอบและเสียมขุดเพราะมีต้นไม้กีดขวางอยู่ ในช่วงที่ขุดวางท่อระบายน้ำมีต้นหางนกยูงขึ้นอยู่ประมาณ 7-8 ต้น มีต้นหนึ่งที่ลำต้นขึ้นเอียงอยู่ พยานทำงานมาถึงต้นหางนกยูงที่ลำต้นขึ้นเอียง เมื่อวันที่12 กรกฎาคม 2527 คนงานไม่ได้ขุดหรือตัดรากต้นหางนกยูงต้นนี้หลังจากต้นหางนกยูงล้มลงแล้ว พยานจึงทราบว่าต้นหางนกยูงที่ล้มเป็นต้นที่ลำต้นขึ้นเอียงอยู่นั้น ซึ่งขณะที่พยานควบคุมงานก่อสร้าง พยานไม่ได้เคยใช้สิ่งใดไปค้ำยันต้นหางนกยูงต้นนั้นและเบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านว่า การวางท่อระบายน้ำริมถนนธรรมโชติมีบ่อพักน้ำทุกระยะ 6 เมตร บ่อพักน้ำยาว 1.24 เมตรกว้าง 84 เซนติเมตร ซึ่งจะต้องขุดดินลึกประมาณ 1.20 เมตร และนายสนั่นเบิกความว่า ในวันเกิดเหตุพยานทราบว่ามีต้นไม้ล้มทับคนที่ถนนธรรมโชติพยานรีบวิ่งไปดู ต้นไม้ที่ล้มลงลำต้นทำมุมกับถนนประมาณ 45 องศา และเบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านว่า ก่อนเกิดเหตุคนงานของจำเลยที่ 2 ได้ขุดวางท่อระบายน้ำริมถนนธรรมโชติ แนวของท่อระบายน้ำดังกล่าวอยู่ติดกับต้นหางนกยูงบางต้น ต้นหางนกยูงที่ล้มลงอยู่ติดกับแนวท่อระบายน้ำ ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ภาพถ่ายหมาย จ.14 ประกอบแล้วปรากฎจากภาพถ่ายที่ 3 และ 5 ว่า โคนของต้นหางนกยูงที่ล้มลงอยู่เกือบชิดกับบ่อพักน้ำ ข้อเท็จจริงตามภาพถ่ายดังกล่าวขัดกับคำเบิกความของนายสมบัติ จำเลยที่ 3และนายแก้วพยานจำเลยทั้งสามที่เบิกความว่า แนววางท่อระบายน้ำอยู่ห่างจากต้นหางนกยูงประมาณ 70 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร จำเลยที่ 2ไม่ได้ตัดรากของต้นหางนกยูงที่ล้มลงในการขุดดินวางท่อระบายน้ำแต่สอดคล้องกับคำเบิกความของนายสมชายพยานโจทก์ที่เบิกความว่าแนวที่ขุดฝังท่อระบายน้ำอยู่ห่างจากต้นไม้ประมาณ 20 เซนติเมตรทำให้เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 ขุดดินวางท่อระบายน้ำตามแนวที่วิศวกรผู้ควบคุมงานของจำเลยที่ 1 กำหนดให้โดยแนวดังกล่าวอยู่ห่างจากต้นหางนกยูงที่ล้มลงเพียงประมาณ 20 เซนติเมตร และเมื่อแนววางท่อระบายน้ำอยู่ห่างจากต้นหางนกยูงที่ล้มลงเพียง 20 เซนติเมตรเช่นนี้ การที่คนงานของจำเลยที่ 2 ขุดดินเพื่อวางท่อระบายน้ำจึงย่อมต้องมีการตัดรากของต้นหางนกยูงดังกล่าวด้านที่อยู่ใกล้กับบ่อพักท่อระบายน้ำนั้นออก ซึ่งได้ความตามคำเบิกความของพยานจำเลยดังกล่าวด้วยว่า ต้นหางนกยูงที่ล้มลงนั้นเป็นต้นไม้ที่ลำต้นขึ้นเอียงไปทางถนนอยู่แล้ว และที่ต้นหางนกยูงต้นนี้เอียงไปทางถนนนั้นนอกจากนายสนั่นพยานจำเลยเบิกความว่าต้นหางนกยูงที่ล้มลงลำต้นทำมุมกับถนนประมาณ 45 องศา แล้วนายสมชายพยานโจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 2 ถามค้านด้วยว่าก่อนล้มลงต้นหางนกยูงดังกล่าวลำต้นขึ้นเอียงทำมุมกับถนนประมาณ 50 ถึง 60 องศา คำเบิกความของนายสมชายพยานโจทก์และนายสนั่นพยานจำเลยสอดคล้องกันเช่นนี้มีน้ำหนักให้ฟังได้ว่าต้นหางนกยูงที่ล้มมีลำต้นขึ้นเอียงไปทางถนนโดยทำมุมกับถนนประมาณ 45 ถึง 60 องศา ก่อนเกิดเหตุแล้วและยังได้ความจากจำเลยที่ 3 ซึ่งไปควบคุมงานก่อสร้างของจำเลยที่ 2 ทุกวันอีกด้วยว่าต้นหางนกยูงดังกล่าวนั้นไม่มีรากแก้ว คงมีแต่รากฝอยเท่านั้น การที่จำเลยที่ 2 ตัดรากของต้นหางนกยูงดังกล่าวด้านที่อยู่ติดกับบ่อพักน้ำโดยที่ต้นหางนกยูงเอียงไปทางถนนทำมุมกับถนน45 ถึง 60 องศา อยู่แล้วนั้น จำเลยที่ 2 ควรจะคาดเห็นได้ว่าจะทำให้ต้นหางนกยูงดังกล่าวล้มลงได้แต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้หาทางป้องกันมิให้ต้นหางนกยูงดังกล่าวล้มลง โดยได้ความตามคำเบิกความของนายแก้วพยานจำเลยทั้งสามว่าไม่เคยใช้สิ่งใดค้ำจุนต้นหางนกยูงที่ล้มในระหว่างก่อสร้างวางท่อระบายน้ำของจำเลยที่ 2 การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวจึงเป็นความประมาท ที่ต้นหางนกยูงดังกล่าวล้มทับผู้ตายทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาในภายหลังจึงเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 2นั้น จำเลยที่ 2 จึงกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสี่ จำเลยที่ 3ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ 2 นั้นด้วย และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าวิศวกรผู้ควบคุมงานของจำเลยที่ 1 เป็นผู้กำหนดแนววางท่อระบายน้ำให้จำเลยที่ 2 ซึ่งแนวที่วิศวกรผู้คุมงานของจำเลยที่ 1กำหนดอยู่ห่างจากต้นหางนกยูงที่ล้มลงเพียงเล็กน้อยเป็นผลให้การขุดดินวางท่อระบายน้ำของจำเลยที่ 2 ต้องตัดรากของต้นหางนกยูงที่ล้มลงออกด้วย จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ก่อสร้างวางท่อระบายน้ำเป็นผู้ผิดในคำสั่งที่จำเลยที่ 1ให้ไว้และต้องร่วมกับจำเลยที่ 2 รับผิดเพื่อความเสียหายที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์ทั้งสี่ด้วย จำเลยทั้งสามจึงได้ร่วมกันกระทำละเมิดและต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ทั้งสี่ข้อนี้ฟังขึ้น ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน169,110 บาท, 109,200 บาท, 126,000 บาท และ 72,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับตั้งแต่วันทำละเมิด เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ที่ 1ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ตามลำดับ.

Share