คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการใช้สิทธิเหนือทรัพย์สินใดอันเป็นหลักประกันเจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิที่จะเลือกใช้สิทธิตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 95 หรือมาตรา 96 มาตราใดมาตราหนึ่งเพียงมาตราเดียวหากเลือกใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 96 แล้ว ก็ย่อมหมดสิทธิที่จะถือสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันนั้นตามมาตรา 95 อีกต่อไป และต้องขอรับชำระหนี้ทั้งหมดของตนที่มีทรัพย์สินนั้นเป็นหลักประกันภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามมาตรา 91 หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วก็ไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้อีกต่อไปพระราชบัญญัติ ญญัติล้มละลาย มาตรา 101 บัญญัติให้สิทธิแก่บุคคลผู้เป็นลูกหนี้ร่วมกับลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ผู้ค้ำประกันผู้ค้ำประกันร่วม หรือบุคคลที่อยู่ในลักษณะเดียวกันนี้ ที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าได้ ดังนั้น แม้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่ 1 ออกให้แก่บุคคลอื่น ยังมิได้ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นให้แก่ผู้รับเงินผู้ร้องก็ชอบที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นได้ภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 91 เมื่อผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลานั้นผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้สำหรับหนี้ดังกล่าว ฎีกาข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 96(3) ในทรัพย์จำนองที่ดินรวม 175 โฉนด อันเป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน 11 ฉบับที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกโดยผู้ร้องเป็นผู้อาวัล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของผู้คัดค้านไปแล้วต่อมาผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตามตั๋วสัญญาใช้เงินอีก 1 ฉบับ ที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออก และผู้ร้องเป็นผู้อาวัล โดยถือเอาทรัพย์จำนองรายเดียวกันเป็นประกันหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว ผู้คัดค้านยกคำร้อง ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 1 จำนองที่ดินรวม 175 โฉนด เพื่อเป็นประกันหนี้ในการที่ผู้ร้องได้อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินรวม 12 ฉบับ ที่จำเลยที่ 1 ออกให้แก่บุคคลอื่นรวมเป็นเงิน 70,000,000 บาท ซึ่งเท่ากับวงเงินจำนอง ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้มีประกันผู้มีสิทธิในทางการจำนองเหนือทรัพย์จำนองเต็มจำนวน 70,000,000 บาท ซึ่งผู้ร้องมีสิทธิใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 95, 96 ได้ผู้ร้องย่อมนำตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 12 มาใช้สิทธิตามมาตรา 95 เพื่อขอรับชำระหนี้เพิ่มเติมได้ขอให้ยกคำสั่งของผู้คัดค้าน โดยให้ผู้ร้องมีบุริมสิทธิ์เหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันเป็นเงิน 22,664,931.50 บาท พร้อมดอกเบี้ย
ผู้คัดค้านคัดค้านว่า เมื่อมีการบังคับจำนองแก่ทรัพย์สินที่จำนองเป็นประกันตามมูลหนี้ในตั๋วสัญญาใช้เงิน 11 ฉบับ แล้ว ผู้ร้องจะนำหนี้อันเกิดจากการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 12 อันเป็นหนี้ส่วนหนึ่งที่จำนองตามสัญญาจำนองมาขอให้ผู้คัดค้านสั่งแสดงบุริมสิทธิ์ตาม มาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายอีกไม่ได้ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิ์ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันในมูลหนี้จำนองและอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 12 หรือไม่เห็นว่า ในการใช้สิทธิเหนือทรัพย์สินใดอันเป็นหลักประกันนั้นเจ้าหนี้มีประกันมีสิทธิที่จะเลือกใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 95 หรือมาตรา 96 มาตราใดมาตราหนึ่งเพียงมาตราเดียวโดยอาจเลือกถือสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันของตนนั้นตามมาตรา 95 โดยไม่ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย หรืออาจใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 96 อย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวซึ่งหากเจ้าหนี้มีประกันเลือกใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 96 แล้วก็ย่อมหมดสิทธิที่จะถือสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันนั้นอีกต่อไป และต้องขอรับชำระหนี้ทั้งหมดของตนที่มีทรัพย์สินนั้นเป็นหลักประกันภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดอันเป็นกำหนดเวลาให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 91 ไม่อาจขอรับชำระหนี้ภายหลังกำหนดเวลานั้นได้การที่ผู้ร้องซึ่งได้จดทะเบียนรับจำนองที่ดิน 175 โฉนด จากจำเลยที่ 1 เพื่อเป็นหลักประกันในการที่ผู้ร้องอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน 12ฉบับ ที่จำเลยที่ 1 ออกให้แก่ผู้อื่น ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันในมูลหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน 11 ฉบับ สำหรับที่ดินที่จำนองนั้น เป็นการที่ผู้ร้องได้เลือกใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันสำหรับที่ดินจำนอง 175 โฉนด นั้นตามมาตรา 96(3)แล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะถือสิทธิเหนือที่ดินที่จำนองนั้นตามมาตรา 95 อีกต่อไป และเมื่อผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันในมูลหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 12 สำหรับที่ดิน 175 โฉนดที่จำนองนั้น ภายในกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 91 ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้นั้นอีกต่อไปด้วย
ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาว่า มูลหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 12ที่ผู้ร้องนำมาขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิ์ เป็นมูลหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดโดยผู้ร้องได้ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นให้แก่โจทก์ในคดีหมายเลขแดงที่ 25922/2526ของศาลชั้นต้นไปเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2531 และเกิดสิทธิไล่เบี้ยในวันนั้นเอง จึงมีสิทธินำมูลหนี้ดังกล่าวมาขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิ์ในคดีนี้ได้นั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 101 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้สิทธิแก่บุคคลผู้เป็นลูกหนี้ร่วมกับลูกหนี้ในคดีล้มละลายที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนที่ตนอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยในเวลาภายหน้าได้ และวรรคสองของมาตราดังกล่าวให้นำบทบัญญัติดังกล่าวไปใช้บังคับแก่ผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันร่วมหรือบุคคลที่อยู่ในลักษณะเดียวกันนี้โดยอนุโลม ดังนั้น แม้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 12 ที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกให้แก่บุคคลอื่น ยังมิได้ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นให้แก่ผู้รับเงิน ผู้ร้องก็ชอบที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับจำนวนหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับที่ 12 ซึ่งผู้ร้องอาจใช้สิทธิไล่เบี้ยแก่จำเลยที่ 1 ในเวลาภายหน้าภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามมาตรา 91 เมื่อผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้สำหรับหนี้ดังกล่าวภายในกำหนดเวลานั้นผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้สำหรับหนี้ดังกล่าว
ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำนองมีบุริมสิทธิ์เหนือทรัพย์สิน มีหลักทรัพย์จำนองจดทะเบียนเป็นประกันหนี้ตามกฎหมายเจ้าหนี้รายอื่นมิได้คัดค้านการขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องจำเลยทั้งสองก็ยอมให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิ์ คงมีแต่ผู้คัดค้านแต่ผู้เดียวที่คัดค้าน ผู้ร้องจึงควรได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิ์ตามกฎหมายนั้น เห็นว่า ฎีกาของผู้ร้องข้อนี้เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share