แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การเบิกความของ ว. พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกันกับจำเลยที่ 2 และถูกพิพากษาลงโทษไปแล้วในข้อหาความผิดฐานเดียวกันกับจำเลยที่ 2 ที่ระบุว่า จำเลยที่ 2 ร่วมเป็นคนร้ายลักทรัพย์ หาได้มีเหตุจูงใจที่จะเบิกความเพื่อให้ตนพ้นผิดหรือได้รับประโยชน์จากการเบิกความของตนไม่ จึงไม่ต้องห้ามที่จะรับฟังคำเบิกความของ ว. เสียเลย ส่วนจะรับฟังได้เพียงใดหรือไม่นั้นจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังประกอบกับพยานหลักฐานอื่นของโจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 336 ทวิ และ 357
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 2 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7) วรรคสาม, 336 ทวิ จำคุก 10 ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองแต่ปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1ขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ถอนอุทธรณ์ให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะมีคำพิพากษาคดีในส่วนของจำเลยที่ 1 จึงยุติ และได้รับพระราชทานอภัยโทษไปก่อนแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาต่อมาจึงเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1
คงมีปัญหาเฉพาะฎีกาของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เท่านั้นว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องหรือไม่…เห็นว่า คดีนี้มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นการกระทำผิดของจำเลยที่ 2ได้แก่ นายวิรัช งามเพียร เพียงปากเดียวเท่านั้น แต่นายวิรัชเองก็ถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาความผิดฐานเดียวกันกับจำเลยที่ 2ในคดีนี้ และได้ให้การรับสารภาพฐานรับของโจรตามฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษไปแล้ว นายวิรัชจึงอยู่ในฐานะผู้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 ด้วยกัน คำเบิกความของนายวิรัชมีลักษณะเป็นคำซัดทอดที่ปกติลำพังแต่คำเบิกความของพยานดังกล่าวจะรับฟังลงโทษจำเลยที่ 2ไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามนายวิรัชเบิกความในคดีนี้เป็นพยานโจทก์หลังจากที่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษจำคุกนายวิรัชไปแล้ว เห็นได้ว่าการเบิกความของนายวิรัชระบุว่าจำเลยที่ 2 ร่วมเป็นคนร้ายลักทรัพย์หาได้มีเหตุจูงใจที่จะเบิกความเพื่อให้ตนพ้นผิดหรือได้รับประโยชน์จากการเบิกความของตนไม่ จึงไม่ต้องห้ามที่จะรับฟังคำเบิกความของนายวิรัชเสียเลย ส่วนจะรับฟังได้เพียงใดหรือไม่นั้น จะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังประกอบกับพยานหลักฐานอื่นของโจทก์…” แล้ววินิจฉัยประกอบกับพยานหลักฐานอื่นของโจทก์คดีรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมเป็นคนร้ายลักทรัพย์กากถั่วเหลืองตามฟ้อง
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และฎีกาของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ส่วนความผิดเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 นั้น พิพากษากลับว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7)วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 6 ปี.