แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องไม่มีสิทธิรับมรดกของ ผ.แทนที่ท. บิดาของผู้ร้องเพราะขณะที่ถือว่า ผ.ถึงแก่ความตายนั้นท. ยังมีชีวิตอยู่ผู้ร้องจึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผ. เป็นคนสาบสูญได้.
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายท้วม รอดรวย กับนางใย รอดรวย บิดาผู้ร้องมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวมทั้งหมด 6 คน คือ อำแดงนวม นายท้วม อำแดงตาดอำแดงโหมดหรือนางโหมด บ้านใหม่ อำแดงผันและนายเผื่อน อำแดงโหมดหรือนางโหมด มีบุตรชื่อนางผาด บ้านใหม่ นายท้วม กับพี่น้องทั้งหมดเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินโฉนดเลขที่ 2518 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอตลาดขวัญ (อำเภอปากเกร็ด) จังหวัดนนทบุรี เนื้อที่ 9 ไร่ 2 งาน76 ตารางวา สำหรับที่ดินส่วนของอำแดงโหมดหรือนางโหมดเนื้อที่ 1 ไร่2 งาน 46 ตารางวา อำแดงโหมดหรือนางโหมดได้ยกให้นายท้วมครอบครองเป็นเจ้าของเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2469 อำแดงโหมดหรือนางโหมดกับนางผาด ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอตลาดขวัญ (อำเภอปากเกร็ด) จังหวัดนนทบุรีได้ไปจากภูมิลำเนาและตราบเท่าเจ็ดปีไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร นายท้วมบิดาผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินส่วนของอำแดงโหมดหรือนางโหมดเรื่อยมา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2478 นายท้วมถึงแก่กรรมผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินส่วนของอำแดงโหมดหรือนางโหมดต่อจากบิดาเรื่อยมาและปี พ.ศ. 2522 ผู้ร้องได้ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ ผู้ร้องได้นำคำสั่งศาลชั้นต้นไปจดทะเบียนลงชื่อผู้ร้องแทนนางโหมดแล้ว ต่อมาปี พ.ศ.2532ได้มีการขายที่ดินโฉนดเลขที่ 2518 ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเพื่อนำเงินมาแบ่งกันระหว่างเจ้าของรวม ปรากฏว่านางผาดถูกฟ้องเป็นจำเลยในฐานะเป็นผู้ได้รับมรดกของนางโหมดในที่ดินส่วนที่ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ตามคำสั่งศาลชั้นต้นโดยการครอบครองแล้วและมีสิทธิได้รับเงินจากการขายทอดตลาดในที่ดินส่วนดังกล่าวด้วยผู้ร้องขอรับเงินส่วนนี้ แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องผู้ร้องในฐานะบุตรของนายท้วมผู้เป็นลุงของนางผาดผู้สาบสูญและเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกแทนที่นายท้วมในมรดกของนางผาด จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า นางผาดเป็นคนสาบสูญ
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งไม่รับคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาในชั้นนี้ว่า ผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่านางผาด บ้านใหม่ เป็นคนสาบสูญหรือไม่ เห็นว่า ตามคำร้องที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกของนางผาดแทนที่นายท้วมบิดาผู้ร้องซึ่งเป็นลุงของนางผาดนั้น เห็นว่า หากศาลสั่งให้นางผาดเป็นคนสาบสูญตามกฎหมายก็ต้องถือว่านางผาดถึงแก่ความตายเมื่อครบ 7 ปี นับแต่ไปจากภูมิลำเนา คิดแล้วไม่เกินปี พ.ศ. 2476 เพราะนางผาดไปจากภูมิลำเนาเมื่อปี พ.ศ. 2469 แต่นายท้วมบิดาผู้ร้องถึงแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ.2478ดังนั้น ถึงนายท้วมจะมีสิทธิรับมรดกของนางผาดในฐานะลุงดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิรับมรดกของนางผาดแทนที่นายท้วมเพราะขณะที่ถือว่านางผาดถึงแก่ความตายนั้น นายท้วมยังมีชีวิตอยู่ ผู้ร้องจึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่านางผาด บ้านใหม่ เป็นคนสาบสูญ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน.