คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์กล่าวโดยสรุปว่า โจทก์เป็นหญิงสาว มีอาชีพรับราชการถูกจำเลยใส่ความต่อหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอว่า มี พฤติการณ์ทำนองชู้สาวกับ ส.อาจารย์ใหญ่โรงเรียนโดยส. มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว คำฟ้องของโจทก์จึงมีความหมาย ที่เข้าใจได้ ว่าโจทก์เป็นคนมีความประพฤติไม่ดี มีความสัมพันธ์ ทางชู้สาวกับสามีของหญิงอื่น อาจทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูก ดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังได้ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติการณ์ ในทำนองชู้สาวว่ามีอย่างไร ชอบที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ได้กล่าวถึงถ้อยคำพูด หนังสือ อันเกี่ยวกับข้อหมิ่นประมาทไว้โดยบริบูรณ์พอที่จะ ให้จำเลยเข้าใจ ข้อหาได้ดี เป็นคำฟ้องที่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158(5).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม2532 ถึงวันที่ 26 ธันวาคม 2532 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้กล่าวและเขียนคำร้องทุกข์ใส่ความโจทก์ต่อหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอนครชัยศรีว่า โจทก์มีพฤติการณ์ในทำนองชู้สาวกับอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดห้วยตะโก (นายสุรเดชสิรสุนทร) โดยเจตนาจะให้โจทก์ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชังและต้องได้รับโทษทางวินัย เพราะอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดห้วยตะโกมีภริยาชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว อาจเป็นเหตุให้โจทก์ถูกไล่ออกจากราชการซึ่งคำร้องทุกข์และข้อกล่าวหาของจำเลยไม่เป็นความจริง ถ้อยคำร้องทุกข์ที่กล่าวนั้นเป็นการใส่ความหรือดูหมิ่น และเจาะจงตัวบุคคลคือโจทก์ให้ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชังจากบุคคลทั่วไปเหตุเกิดที่ตำบลพะเนียด อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาสืบพยานโจทก์ต่อไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) หรือไม่ พิเคราะห์แล้วคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำของจำเลยสรุปได้ว่าจำเลยได้กล่าวและเขียนคำร้องทุกข์ใส่ความโจทก์ต่อหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอนครชัยศรีว่า โจทก์มีพฤติการณ์ในทำนองชู้สาวกับอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดห้วยตะโก (นายสุรเดช สิรสุนทร) โดยเจตนาจะให้โจทก์ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชังและต้องได้รับโทษทางวินัยเพราะอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดห้วยตะโกมีภริยาชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว เห็นว่าตามคำฟ้องระบุว่าโจทก์เป็นหญิงสาวมีอาชีพรับราชการถูกจำเลยใส่ความว่า มีพฤติการณ์ทำนองชู้สาวกับนายสุรเดช สิรสุนทรอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดห้วยตะโก โดยนายสุรเดชมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว คำฟ้องของโจทก์จึงมีความหมายที่เข้าใจได้ว่า โจทก์เป็นคนมีความประพฤติไม่ดี มีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับสามีของหญิงอื่น อาจทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังได้ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติการณ์ในทำนองชู้สาวว่ามีอย่างไรนั้น ชอบที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ดังนั้นคำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ได้กล่าวถึงถ้อยคำพูด หนังสือ อันเกี่ยวกับข้อหมิ่นประมาทไว้โดยบริบูรณ์พอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว เป็นคำฟ้องชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share