คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสามเด็ดขาดจำเลยทั้งสามยื่นฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสามแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานว่า จำเลยที่ 2 ถูกศาลแพ่งธนบุรีสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีนี้ขอให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 15 ดังนี้ ย่อมเป็นอำนาจของศาลฎีกาที่จะสั่งจำหน่ายคดีจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมจำนวน 16,000,000 บาทเศษ โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยทั้งสามไม่ชำระนอกจากนี้จำเลยทั้งสามยังเป็นหนี้บุคคลอื่นอีกมาก จำเลยทั้งสามเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสามเด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยทั้งสามเป็นหนี้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความจริง แต่ได้ผ่อนชำระหนี้ตลอดมา กิจการของจำเลยทั้งสามดำเนินการไปด้วยดี จำเลยทั้งสามมีทรัพย์สินเพียงพอที่จะชำระหนี้ให้โจทก์ได้ จำเลยทั้งสามไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัวขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสามเด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับจำเลยที่ 2 หลังจากจำเลยที่ 2ยื่นฎีกาแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รายงานต่อศาลว่าจำเลยที่ 2 ถูกศาลแพ่งธนบุรีสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.124/2532 ของศาลแพ่งธนบุรีแล้วตั้งแต่วันที่20 สิงหาคม 2533 ขอให้สั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 คดีนี้ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 เห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ยื่นฎีกาและศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 แล้วอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเป็นอำนาจของศาลฎีกา ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องโดยมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 15 ส่วนจำเลยที่ 1 และที่ 3 ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีหนี้สินล้นพ้นตัว
พิพากษายืน

Share