แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักไก่ชน 1 ตัว ของผู้เสียหายแต่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกเข้าไปลักไก่ชนในเล้าไก่ของผู้เสียหายและฟังไม่ได้ว่าไก่ชน 1 ตัว ที่พบในรถยนต์บรรทุกหกล้อเป็นของผู้เสียหายดังที่โจทก์ฟ้อง ข้อเท็จจริงตามที่ ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าว ในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ศาลจึงต้องยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2540 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยได้ลักทรัพย์ไก่ชน 1 ตัว ราคา 4,000 บาทของนายประเสริฐ บ่างสมบูรณ์ ผู้เสียหายไปโดยทุจริตในการลักทรัพย์ดังกล่าวจำเลยใช้รถยนต์ซึ่งเป็นของผู้มีชื่อ 1 คัน เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดและการพาทรัพย์นั้นไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1), 336 ทวิ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1) วรรค 2 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 8 เดือนลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก5 เดือน 10 วัน คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง มีคนร้าย 2 คน เข้าไปที่เล้าไก่ของนายประเสริฐ บ่างสมบูรณ์ ผู้เสียหายขณะที่คนร้ายทั้งสองกำลังจับไก่ชนของผู้เสียหาย ผู้เสียหายเห็นจึงวิ่งออกไปดู คนร้ายทั้งสองจึงปล่อยไก่ชนของผู้เสียหายแล้ววิ่งหลบหนีไป ต่อมาอีกประมาณ 20 นาที ชาวบ้านได้ช่วยกันจับกุมจำเลยได้ จำเลยพาผู้เสียหายและเจ้าพนักงานตำรวจไปที่รถยนต์บรรทุกหกล้อของสำนักงานระบายน้ำ กรุงเทพมหานครซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับพาพวกมาที่เกิดเหตุ พบไก่ชน 1 ตัว อยู่ในรถ
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายเป็นพยานเบิกความว่า คนร้ายทั้งสองคนที่เข้าไปจับไก่ชนในเล้าไก่ของผู้เสียหายไม่ใช่จำเลย เมื่อชาวบ้านช่วยกันจับกุมจำเลยได้ จำเลยพาผู้เสียหายและเจ้าพนักงานตำรวจไปที่รถยนต์บรรทุกหกล้อพบไก่ชน 1 ตัว อยู่ในรถคันดังกล่าวไก่ชนที่พบไม่ใช่ของผู้เสียหายจำเลยบอกเจ้าพนักงานตำรวจว่าได้ร่วมกับพวกอีก 2 คน มาลักไก่ชน เห็นว่า ผู้เสียหายเบิกความยืนยันว่า จำเลยไม่ใช่คนร้ายที่เข้าไปลักไก่ชนในเล้าไก่ของผู้เสียหาย และไก่ชน 1 ตัว ที่พบในรถยนต์บรรทุกหกล้อก็ไม่ใช่ไก่ชนของผู้เสียหาย ดังนี้ คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนที่ว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันเข้าไปลักไก่ชนที่เล้าไก่ของผู้เสียหาย จึงขัดแย้งกับคำเบิกความของผู้เสียหาย ทั้งจำเลยเบิกความต่อสู้ว่าจำเลยให้การในชั้นสอบสวนดังกล่าวโดยไม่ได้สมัครใจเพราะจำเลยถูกข่มขู่ให้รับสารภาพในชั้นสอบสวน ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกเข้าไปลักไก่ชนในเล้าไก่ของผู้เสียหายและฟังไม่ได้เช่นกันว่าไก่ชน 1 ตัว ที่พบในรถยนต์บรรทุกหกล้อเป็นของผู้เสียหาย ดังที่โจทก์ฟ้องข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องทั้งข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันดังกล่าวเป็นข้อสาระสำคัญ ดังนั้นคดีนี้ศาลจึงต้องยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง
พิพากษายืน