คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1297/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ใบสมัครสมาชิกบัตรเสริมที่ออกโดยบริษัทโจทก์แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน และข้อความที่ระบุถึงความรับผิดนั้นอยู่ในส่วนประวัติสมาชิกบัตรหลัก และมีผู้ลงชื่อเพียงสมาชิกบัตรหลักคือจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ขออนุมัติเท่านั้น คงปรากฏลายมือชื่อจำเลยที่ 2 เฉพาะในส่วนที่เป็นประวัติของผู้สมัครบัตรเสริมเท่านั้น ซึ่งมิได้มีข้อความใดระบุว่าผู้สมัครบัตรเสริมคือจำเลยที่ 2 ได้ตกลงยินยอมถึงขนาดยอมตนเข้ารับผิดร่วมกับความรับผิดของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสมาชิกบัตรหลักด้วย ทั้งข้อบังคับของสมาชิกภาพก็หามีข้อความใด ๆ ที่จะแปลความถึงขนาดให้มีผลถึงการรับรู้หรือผูกพันจำเลยที่ 2 ให้ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ไม่ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินคืนให้โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 สมัครเข้าเป็นสมาชิกบัตรสินเชื่อไดเนอร์สคลับกับโจทก์และโจทก์ตกลงรับจำเลยที่ 1 เข้าเป็นสมาชิก จำเลยที่ 1 ตกลงจะปฏิบัติตามเงื่อนไข ระเบียบข้อบังคับที่โจทก์ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการใช้บัตร และตกลงด้วยว่าเมื่อโจทก์ออกเงินชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 ไปแล้ว จำเลยที่ 1 จะชำระคืนแก่โจทก์ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ระบุในใบแจ้งยอดหนี้รายเดือนหากจำเลยที่ 1 ผิดนัดยอมเสียค่าธรรมเนียมให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 3.5 ต่อเดือน ของยอดหนี้ค้างชำระ โจทก์ออกบัตรหมายเลข3613-444527-0007 ให้แก่จำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 ขอให้โจทก์รับจำเลยที่ 2 เข้าเป็นสมาชิกบัตรเสริมและให้โจทก์ออกบัตรเสริมแก่จำเลยที่ 2 โดยตกลงผูกพันตนเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ตามยอดหนี้ที่เกิดขึ้นจากการใช้บัตรโดยยอมรับผิดร่วมกันอย่างลูกหนี้ร่วม โจทก์ออกบัตรเสริมหมายเลข 3613-444527-0015ให้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองนำบัตรที่โจทก์ออกให้ไปใช้หลายครั้งโจทก์ได้ชำระเงินแทนจำเลยทุกครั้งเฉพาะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยทั้งสองนำบัตรไปใช้ โจทก์ออกใบแจ้งยอดหนี้แก่จำเลยทั้งสองรวม 15 ฉบับ เมื่อถึงกำหนดจำเลยทั้งสองชำระเพียงบางส่วนจำเลยทั้งสองค้างชำระต้นเงิน 39,368.05 บาท เบี้ยปรับ6,220.12 บาท รวมเป็นเงิน 45,588.17 บาท แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระจึงต้องร่วมกันรับผิดชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 39,368.05 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,976.11 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงิน50,976.11 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากต้นเงิน39,368.05 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองจำเลยที่ 2 เป็นผู้ถือบัตรเสริมของโจทก์จริง แต่จำเลยที่ 2ไม่เคยค้างชำระค่าสินค้าหรือค่าบริการแก่โจทก์จำเลยที่ 2ไม่เคยตกลงยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน45,588.17 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากต้นเงิน 39,368.05 บาท นับแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2538ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องไม่เกิน5,387.94 บาท สำหรับจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้แก่โจทก์ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่ามิได้ตกลงร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์นั้น เห็นว่า เอกสารหมายจ.6 ใบสมัครสมาชิกบัตรเสริมนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน และข้อความที่ระบุถึงความรับผิดนั้นอยู่ในส่วนประวัติสมาชิกบัตรหลัก และมีผู้ลงชื่อเพียงสมาชิกบัตรหลักคือจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ขออนุมัติเท่านั้นคงปรากฏลายมือชื่อจำเลยที่ 2 เฉพาะในส่วนที่เป็นประวัติของผู้สมัครบัตรเสริมเท่านั้นและก็มิได้มีข้อความใดระบุว่าผู้สมัครบัตรเสริมคือจำเลยที่ 2 ได้ตกลงยินยอมถึงขนาดยอมตนเข้ารับผิดร่วมกับความรับผิดของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสมาชิกบัตรหลักด้วยไม่มีข้อความใด ๆ ในการรับรู้หรือผูกพันตามเอกสารหมาย จ.5ข้อบังคับของสมาชิกภาพนั้นแต่ประการใดด้วย จึงไม่อาจแปลความถึงขนาดให้มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 ให้ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1ทั้งนางสาวเสาวลักษณ์พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องคดีนี้ก็ได้เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 2 ถามค้านว่าตามใบสมัครสมาชิกบัตรเสริมเอกสารหมาย จ.6 จำเลยที่ 2ไม่ได้ตกลงด้วยกับข้อความต่าง ๆ ที่ระบุในเอกสารดังกล่าวร่วมกับจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังขึ้น ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share