คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 72/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในการจัดตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ถ้าไม่มีข้อกำหนด พินัยกรรมก็ให้ศาลตั้งเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกตามพฤติการณ์ และโดยคำนึงถึงเจตนาของผู้ตาย ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบ ด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีบุตรด้วยกัน 3 คน ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์ อยู่ในความปกครองของผู้ร้อง ผู้ร้องและบุตรทั้งสามเป็นทายาท โดยธรรมผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงในกองมรดกและผู้ตาย เป็นผู้ดำเนินการให้ผู้ร้องได้สัญชาติไทยตามผู้ตาย แม้จะ ปรากฏว่าผู้ร้องเคยถูกดำเนินคดีฐานเข้าเมืองโดยไม่ได้ รับอนุญาตและมีคำพิพากษาให้ออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับข้อห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดก การตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกจึงเป็นประโยชน์สูงสุดแก่กองมรดกตามความมุ่งหมายของกฎหมายแล้ว เมื่อกรณีมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของผู้ตายการที่จะให้ผู้คัดค้านที่ 2 จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องจึงมีข้อแสดงให้เห็นเบื้องต้นว่าไม่อาจที่จะจัดการร่วมกันได้ ผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมประเภทคู่สมรส ซึ่งต้องระวังรักษา ประโยชน์ของบุตรผู้เยาว์อีกสามคนที่เป็นทายาทโดยธรรม ในลำดับที่ (1) ส่วนผู้คัดค้านทั้งสี่เป็นทายาทโดยธรรม ในลำดับที่ (3) ซึ่งไม่มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย จึงไม่สมควรที่จะตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดก ร่วมกับผู้ร้อง

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสมลักษณ์ เมฆเกรียงไกร ผู้ซึ่งถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2538 ด้วยสาเหตุหัวใจล้มเหลว นายสมลักษณ์มีทรัพย์มรดกคือที่ดิน 4 แปลง และมีเงินฝากประจำที่ธนาคารทหารไทย จำกัด สาขามีนบุรี นอกนั้นมีเงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีมีนเทรดดิ้งการจัดการมรดกมีเหตุขัดข้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านทั้งสี่ยื่นคำร้องคัดค้านและแก้ไขคำร้องคัดค้านว่าผู้คัดค้านทั้งสี่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับนายสมลักษณ์ เมฆเกรียงไกร ผู้ตาย ผู้ร้องมิใช่ภริยา โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ผู้ร้องไม่มีสัญชาติไทย ผู้ตายเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งในห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีมีนเทรดดิ้ง นอกจากนี้ผู้ตายได้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินในโฉนดและตึกแถวแทนนางเกียว พัวสวัสดิ์ ซึ่งเป็นมารดา ผู้ร้องมีเจตนาที่จะปกปิดและเบียดบังทรัยพ์ มรดกจึงมิได้บรรยายหรือแสดงบัญชีทรัพย์สินทั้งหมด ผู้ร้องมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง และมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายสมลักษณ์ เมฆเกรียงไกร ผู้ตาย โดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ให้ยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งสี่
ผู้คัดค้านทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาโดยผู้คัดค้านทั้งสี่มิได้ฎีกาโต้แย้งเป็นอย่างอื่นฟังได้ยุติว่า ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีบุตรด้วยกัน 3 คน เดิมผู้ร้องเป็นคนต่างด้าว ต่อมาได้รับอนุญาตให้ถือสัญชาติไทยตามผู้ตายแล้ว ส่วนผู้คัดค้านทั้งสี่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้ตาย เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2538 ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยมิได้ทำพินัยกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือตั้งผู้จัดการมรดกไว้ ผู้ตายมีทรัพย์มรดกหลายอย่าง ทั้งที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เงินลงหุ้น และเงินฝากธนาคาร คงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสี่ว่า สมควรตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ เห็นว่า ในการตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ถ้าไม่มีข้อกำหนดพินัยกรรมก็ให้ศาลตั้งเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกตามพฤติการณ์และโดยคำนึงถึงเจตนาของผู้ตายผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย มีบุตรด้วยกันถึง 3 คน ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของผู้ร้องผู้ร้องและบุตรทั้งสามเป็นทายาทโดยธรรมผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงในกองมรดก ผู้ตายเป็นผู้ดำเนินการให้ผู้ร้องได้สัญชาติไทยตามผู้ตาย แม้จะปรากฏว่าผู้ร้องเคยถูกดำเนินคดีฐานเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีคำพิพากษาให้ออกนอกราชอาณาจักรมาแล้วก็เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับข้อห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกการตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกจึงเป็นประโยชน์สูงสุดแก่กองมรดกตามความมุ่งหมายของกฎหมาย ฎีกาผู้คัดค้านทั้งสี่ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต่อไปมีว่า สมควรตั้งให้ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องหรือไม่ เห็นว่า ผู้คัดค้านทั้งสี่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับผู้ตาย เมื่อผู้ตายมีผู้สืบสันดานซึ่งเป็นทายาทในลำดับที่ (1) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1629 ผู้คัดค้านทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทในลำดับที่ (3)จึงไม่มีสิทธิได้รับมรดกตามมาตรา 1630 ผู้คัดค้านทั้งสี่ จึงมิได้เป็นทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิรับมรดก ที่ผู้คัดค้านทั้งสี่อ้างว่าเจ้ามรดกได้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเท่าที่ทราบคือ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แทนนางเกียว พัวสวัสดิ์ ซึ่งเป็นมารดาผู้ตาย และผู้คัดค้านทั้งสี่อันเป็นทรัพย์ที่อยู่ในกองมรดกที่ผู้ร้องขอจัดการมรดกด้วยแต่ผู้คัดค้านนำสืบไม่ชัดแจ้ง ทั้งถ้าหากข้ออ้างของผู้คัดค้านทั้งสี่เป็นความจริง ก็ชอบที่ผู้คัดค้านทั้งสี่จะเรียกร้องเอาจากกองมรดกเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหากเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ของผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งสี่ตามที่ปรากฏในคำร้องขอ คำร้องคัดค้านและการนำสืบของทั้งสองฝ่ายแล้ว กรณีมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของผู้ตายการที่จะให้ผู้คัดค้านที่ 2 จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง จึงมีข้อแสดงให้เห็นเบื้องต้นว่า ไม่อาจที่จะจัดการร่วมกันได้ประกอบกับผู้ร้องเป็นทายาทโดยธรรมประเภทคู่สมรส ซึ่งต้องระวังรักษาประโยชน์ของบุตรผู้เยาว์อีกสามคนที่เป็นทายาทโดยธรรมในลำดับที่ (1) ส่วนผู้คัดค้านทั้งสี่เป็นทายาทโดยธรรมในลำดับที่ (3) ซึ่งไม่มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายดังที่วินิจฉัยมาแล้ว จึงไม่สมควรที่จะตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน

Share