คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาว่าจ้างปลูกต้นปาล์มน้ำมัน ข้อ 10 ความว่าการส่งมอบงานตามสัญญานี้ให้หมายถึงการส่งมอบงานที่แล้วเสร็จ และถูกต้องสมบูรณ์เป็นช่วง ช่วงละ 50 ต้น และข้อ 16 ความว่า ผู้ว่าจ้างตกลงชำระค่าจ้างแก่ผู้รับจ้างตามสัญญา โดยแบ่งชำระเป็นงวด ๆ ดังต่อไปนี้ (16.1) ชำระราคา ต่อเมื่อผู้รับจ้างได้ทำการปลูกต้นปาล์มน้ำมันจนแล้วเสร็จและ ส่งมอบในแต่ละช่วง ช่วงละ 50 ต้น (16.2) ชำระราคา โดยผู้ว่าจ้างจะทำการจ่ายภายหลัง 3 เดือน นับแต่ส่งมอบงาน แล้วเสร็จในแต่ละช่วง (16.3) ชำระราคา โดยผู้ว่าจ้าง จะทำการจ่ายเมื่อครบกำหนดการรับประกันโดยไม่มีข้อชำรุด บกพร่องในงานแต่ละช่วงตามสัญญา ดังนั้น การที่จำเลย จ่ายค่าจ้างงวดแรกให้โจทก์ตามสัญญา แสดงว่าโจทก์ได้ส่งมอบ งานตามสัญญาที่แล้วเสร็จและถูกต้องสมบูรณ์แล้ว เมื่อครบกำหนด 3 เดือน นับแต่ส่งมอบงานแล้วเสร็จในแต่ละช่วงตามสัญญาจำเลยจึงมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามข้อ 16.2 จำเลยแจ้งความเสียหาย ให้โจทก์แก้ไขเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2536 โจทก์ยอมรับว่า มีความชำรุดบกพร่องจริงเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2537 แสดงว่า นับแต่จำเลยแจ้งความชำรุดบกพร่องครั้งแรกจนถึงวันตรวจสอบ ครั้งหลังเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีครึ่ง น่าเชื่อว่าโจทก์ปรับปรุง แก้ไขนานแล้ว เมื่อไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ส่งมอบงาน ที่แล้วเสร็จ สมบูรณ์ แก่จำเลยเมื่อใด แต่จำเลยจ่ายเงินค่าจ้าง งวดแรกแก่โจทก์ครบถ้วน ถือว่าโจทก์ปลูกต้นปาล์มน้ำมัน แล้วเสร็จภายใน 45 วัน คือ ถือว่าโจทก์ปลูกต้นปาล์มน้ำมัน และส่งมอบงานที่แล้วเสร็จ สมบูรณ์ แก่จำเลยภายในวันที่ 2 พฤษภาคม 2536 กำหนดเวลาที่โจทก์รับประกันความชำรุด บกพร่องของต้นปาล์มน้ำมันเป็นเวลา 1 ปี นับแต่ส่งมอบงานในแต่ละช่วง จึงมีกำหนดถึงวันที่ 3 พฤษภาคม 2537 จำเลยแจ้ง ให้โจทก์ทราบว่าต้นปาล์มน้ำมันล้มตายเป็นจำนวนมาก ให้โจทก์แก้ไขซ่อมแซมซึ่งเป็นเวลาหลังจากการรับประกัน ความชำรุดบกพร่องของโจทก์สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่า ความชำรุดบกพร่องเกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่โจทก์รับประกัน ความชำรุดบกพร่อง โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดแก้ไขซ่อมแซม ที่กรรมการโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่ามีต้นปาล์มน้ำมันเสียหาย 12 ต้น ก็ไม่มีข้อความใดระบุว่าความเสียหายเกิดขึ้นภายใน ระยะเวลาที่โจทก์รับประกันความชำรุดบกพร่องจำเลยจึง มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนร้อยละ 10 ของจำนวน ค่าจ้างตามสัญญาข้อ 16.3 เมื่อจำเลยไม่จ่ายเงินจึงเป็นฝ่าย ผิดสัญญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 280,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2536 จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 31,931 บาท และชำระเงิน 70,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2537 จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 4,056 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 385,987 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 350,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ใช้ค่าปรับในการไม่ส่งมอบงานเป็นเงิน 1,365,000 บาท แก่จำเลยกับค่าปรับเรื่องชำรุดบกพร่องวันละ 7,420 บาท นับถัดจากวันยื่นคำให้การและฟ้องแย้งจนกว่าโจทก์จะซ่อมแซมต้นปาล์มน้ำมัน 12 ต้น ให้แล้วเสร็จและส่งมอบงานที่เสร็จเรียบร้อยแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ปลูกต้นปาล์มน้ำมันแล้วเสร็จภายในกำหนดตามสัญญา จำเลยได้ตรวจรับถูกต้องแล้ว ต้นปาล์มน้ำมัน12 ต้น ชำรุดและตายภายหลังจากที่โจทก์หมดหน้าที่ดูแลขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 290,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก และให้ยกฟ้องแย้ง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 350,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า วันที่ 18 มีนาคม 2536 จำเลยได้ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ปลูกต้นปาล์มน้ำมันจำนวน 200 ต้น เป็นเงิน 700,000 บาทภายในบริเวณสนามกอล์ฟ ของโครงการไดนาสตี้กอล์ฟแอนด์คันทรีคลับจำเลยได้ชำระค่าจ้างงวดแรกแก่โจทก์จำนวน 350,000 บาทคงค้างชำระค่าจ้างงวดที่สองจำนวน 280,000 บาท และงวดที่สามจำนวน 70,000 บาท คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า สัญญาไม่ได้มุ่งสาระสำคัญของการปลูกต้นไม้ให้ครบจำนวนเท่านั้นโจทก์มีภาระต้องดูแลและแก้ไขอยู่เสมอ จำเลยได้แจ้งให้โจทก์แก้ไขการปลูกต้นไม้มาโดยตลอดตามเอกสารหมาย ล.3 เมื่อโจทก์ไม่ดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อยจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะไม่ชำระเงินจำเลยจึงไม่ผิดสัญญานั้นเห็นว่า ตามสัญญาว่าจ้างปลูกต้นปาล์มน้ำมันเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 10 ความว่า การส่งมอบงานตามสัญญานี้ให้หมายถึงการส่งมอบงานที่แล้วเสร็จและถูกต้องสมบูรณ์เป็นช่วง ช่วงละ 50 ต้น และข้อ 16 ความว่า ผู้ว่าจ้างตกลงชำระค่าจ้างแก่ผู้รับจ้างตามสัญญา โดยแบ่งชำระเป็นงวด ๆ ดังต่อไปนี้
(16.1) ชำระราคาเป็นจำนวนเงินร้อยละ 50 ของจำนวนค่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 350,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็น 4 งวด งวดละ87,500 บาท ต่อเมื่อผู้รับจ้างได้ทำการปลูกต้นปาล์มน้ำมันจนแล้วเสร็จและส่งมอบในแต่ละช่วง ช่วงละ 50 ต้น
(16.2) ชำระราคาเป็นจำนวนเงินร้อยละ 40 ของจำนวนค่าจ้าง เป็นจำนวนเงิน 280,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็น4 งวด งวดละ 70,000 บาท โดยผู้ว่าจ้างจะทำการจ่ายภายหลัง3 เดือน นับแต่ส่งมอบงานแล้วเสร็จในแต่ละช่วงตามสัญญาข้อ 10
(16.3) ชำระราคาเป็นจำนวนเงินร้อยละ 10 ของจำนวนค่าจ้าง เป็นจำนวนเงิน 70,000 บาท โดยทำการแบ่งจ่ายเป็น4 งวด งวดละ 17,500 บาท โดยผู้ว่าจ้างจะทำการจ่ายเมื่อครบกำหนดการรับประกันโดยไม่มีข้อชำรุดบกพร่องในงานแต่ละช่วงตามสัญญาที่ได้กล่าวไว้ในสัญญาข้อ 9
ดังนั้นการที่จำเลยจ่ายค่าจ้างงวดแรกเป็นจำนวนเงินร้อยละ50 ของจำนวนค่าจ้าง เป็นจำนวนเงิน 350,000 บาท แสดงว่าโจทก์ได้ส่งมอบงานตามสัญญาที่แล้วเสร็จและถูกต้องสมบูรณ์แล้วเมื่อครบกำหนด 3 เดือน นับแต่ส่งมอบงานแล้วเสร็จในแต่ละช่วงตามสัญญา จำเลยมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนร้อยละ 40 ของจำนวนค่าจ้าง เป็นจำนวนเงิน 280,000 บาท ตามเอกสารหมายจ.4 ข้อ (16.2) จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ยังไม่ดำเนินการแก้ไขตามที่จำเลยแจ้งให้โจทก์แก้ไขตามเอกสารหมาย ล.3 ไม่ได้แม้จำเลยได้แจ้งความเสียหายให้โจทก์แก้ไขตั้งแต่วันที่27 พฤษภาคม 2536 ตามเอกสารหมาย ล.3 ก็ตาม แต่การที่โจทก์ยอมรับว่ามีความชำรุดบกพร่องจริงเพียง 12 ต้น เมื่อวันที่5 ตุลาคม 2537 ตามเอกสารหมาย จ.7 แสดงว่านับแต่จำเลยแจ้งความชำรุดบกพร่องครั้งแรกจนถึงวันตรวจสอบครั้งหลังเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีครึ่ง น่าเชื่อว่าโจทก์ปรับปรุงแก้ไขนานแล้ว เมื่อไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ส่งมอบงานที่แล้วเสร็จ สมบูรณ์ แก่จำเลยเมื่อใด แต่จำเลยจ่ายเงินค่าจ้างงวดแรกตามเอกสารหมาย จ.4 ข้อ (16.1) แก่โจทก์ครบถ้วน จึงต้องถือว่าโจทก์ได้ปลูกต้นปาล์มน้ำมันแล้วเสร็จภายใน 45 วันตามเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 14 กล่าวคือถือว่าโจทก์ปลูกต้นปาล์มน้ำมันและส่งมอบงานที่แล้วเสร็จ สมบูรณ์แก่จำเลยภายในวันที่ 2 พฤษภาคม 2536 กำหนดเวลาที่โจทก์รับประกันความชำรุดบกพร่องของต้นปาล์มน้ำมันเป็นเวลา 1 ปีนับแต่ส่งมอบงานในแต่ละช่วง ช่วงละ 50 ต้น ตามเอกสารหมายจ.4 ข้อ 9 จึงมีกำหนดถึงวันที่ 3 พฤษภาคม 2537 จำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่าต้นปาล์มน้ำมันล้มตายเป็นจำนวนมาก ให้โจทก์แก้ไขซ่อมแซมตามหนังสือลงวันที่ 10 สิงหาคม 2537 เอกสารหมาย ล.1 ซึ่งเป็นเวลาหลังจากการรับประกันความชำรุดบกพร่องของโจทก์สิ้นสุดลงแล้ว 2 เดือนเศษ โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าความชำรุดบกพร่องเกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่โจทก์รับประกันความชำรุดบกพร่อง โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดแก้ไขซ่อมแซมตามเอกสารหมาย ล.1 แม้ตามหนังสือลงวันที่ 5 ตุลาคม 2537 เอกสารหมาย จ.7 ของนายพงศธร ตั้งสุวรรณชัย กรรมการโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบว่ามีต้นปาล์มน้ำมันเสียหาย 12 ต้น แต่ก็ไม่มีข้อความใดระบุว่าความเสียหายเกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่โจทก์รับประกันความชำรุดบกพร่องและตามหนังสือลงวันที่ 7 ตุลาคม 2537 เอกสารหมาย จ.8 ของนายธนทัต แท่งทองผู้รับมอบอำนาจโจทก์ก็ระบุอย่างชัดแจ้งว่าความเสียหายเกิดขึ้นหลังจากสัญญาสิ้นสุดแล้วโจทก์จะแก้ไขซ่อมแซมให้ต่อเมื่อจำเลยจ่ายเงินจำนวนร้อยละ 40 ของจำนวนค่าจ้าง ภายใน 15 วัน หาใช่โจทก์รับว่าโจทก์ต้องแก้ไขซ่อมแซมตามสัญญาดังที่จำเลยฎีกาไม่ จำเลยมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนร้อยละ 10ของจำนวนค่าจ้าง เป็นจำนวนเงิน 70,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.4 ข้อ (16.3) เมื่อจำเลยไม่จ่ายเงินจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share