คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7063/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้และได้ยื่นคำร้องเข้ามาภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ผู้ร้องย่อมมีสิทธิที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นซึ่งออกหมายบังคับคดีให้เอาเงินที่ได้มานั้นชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นมาขอเฉลี่ยหนี้ของจำเลยหรือไม่ การขายทอดตลาดทรัพย์จำนองนั้นขายได้ 2 วิธี คือขายโดยปลอดจำนองหรือขายโดยติดจำนอง การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตนได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้ร้องประสงค์ให้นำทรัพย์สินจำนองออกขายโดยปลอดจำนองแล้วจำเงินที่ได้จากการขายมาชำระหนี้ตน ก่อนเจ้าหนี้อื่น และการที่วรรคสองของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 บัญญัติให้ผู้รับจำนองยื่นคำร้องเสียก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออก ขายทอดตลาดก็เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีจะได้ดำเนินการขายไป ได้ถูกต้องตามเจตนาของผู้รับจำนอง ดังนั้น เมื่อผู้ร้อง เป็นผู้รับจำนองผู้ร้องย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรวมกันชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้บังคับคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 139134 แขวงคลองถนน เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ออกขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ตามคำพิพากษาคดีนี้ โดยจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 139134 พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้เป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ที่มีต่อโจทก์จำนวน 400,000 บาท ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิมีความประสงค์จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น
จำเลยที่ 1 ไม่คัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า คดีนี้มีเฉพาะโจทก์เท่านั้นที่ขอบังคับชำระหนี้ ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลภายนอกขอเฉลี่ยหนี้ของจำเลย อันจะทำให้กระทบสิทธิของผู้ร้องผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีประเด็นปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่าจะร้องขอให้ตนได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นได้หรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคหนึ่งบัญญัติให้สิทธิแก่ผู้รับจำนองยื่นคำร้องขอต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีให้เอาเงินที่ได้จากการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษามาชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่นและในกรณีจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามวรรคสองของมาตรา 289ได้กำหนดให้ผู้รับจำนองยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาด เมื่อปรากฏว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้และได้ยื่นคำร้องมาภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ผู้ร้องย่อมมีสิทธิที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นซึ่งออกหมายบังคับคดีให้เอาเงินที่ได้มานั้นชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจะมีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นมาขอเฉลี่ยหนี้ของจำเลยหรือไม่
อนึ่งการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองนั้นขายได้ 2 วิธีคือขายโดยปลอดจำนองหรือขายโดยติดจำนอง การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตนได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้ร้องประสงค์ให้นำทรัพย์สินจำนองออกขายโดยปลอดจำนองแล้วนำเงินที่ได้จากการขายมาชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้อื่นและการที่วรรคสองของมาตรา 289 บัญญัติให้ผู้รับจำนองยื่นคำร้องเสียก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาดก็เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีจะได้ดำเนินการขายไปได้ถูกต้องตามเจตนาของผู้รับจำนองกรณีนี้คำร้องของผู้ร้องจึงมีเหตุผลและความจำเป็น ทั้งมีบทกฎหมายสนับสนุนเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ร้องเป็นผู้รับจำนอง ผู้ร้องย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของผู้ร้องนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาอุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากการขายทรัพย์สินจำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น

Share