คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5584/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ยื่นคำร้องขอชำระภาษีการค้า โดยระบุว่าจำเลยเป็นเจ้าของและผู้ดัดแปลงรถยนต์บรรทุกยี่ห้อเบนซ์ 300 ทีดี เก๋งแวน เป็นรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ ประเมินราคารถยนต์และจำนวนภาษีที่จำเลยต้องชำระแล้วจำเลยก็ได้ยื่นแบบแสดงรายการการค้า (ภ.ค.40)แสดงรายการภาษีการค้าที่ต้องเสียจำนวน 319,440 บาทและชำระในวันยื่นแบบ 50,000 บาท ส่วนที่เหลือขอผ่อนชำระรวม 54 งวด ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ประกอบการค้าและผูกพันตนที่จะชำระภาษีการค้าตามมาตรา 79 ทวิ(5) และ 79 ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องชำระภาษีการค้าทั้งหมดในวันที่ยื่นแบบแสดงรายการการค้า (ภ.ค.40) การที่อธิบดีกรมสรรพากรอนุญาตให้ผู้ที่ต้องเสียภาษีการค้าดังกล่าวที่มีจำนวนตั้งแต่200,000 บาทขึ้นไป ผ่อนชำระเป็นงวดได้นั้นก็ถือว่าเป็นประโยชน์แก่จำเลยแล้ว ดังนั้น แม้ว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ในภายหลัง จำเลยก็ยังคงมีหน้าที่ต้องชำระภาษีการค้าที่ค้างชำระทั้งหมดตาม กฎหมายและตามคำร้องที่ยื่นขอผ่อนชำระไว้ หาใช่ว่าหน้าที่ต้องเสียภาษีอากรเป็นของผู้เช่าซื้อรถยนต์ซึ่งเป็น เจ้าของภายหลังจากโอนกรรมสิทธิ์ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าภาษีจำนวน808,320 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยให้นางสงบ แย้มกลิ่น เช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ 300 ที ดี คันพิพาท ในระหว่างที่จำเลยให้เช่าซื้อไปนั้นโจทก์ได้ออกประกาศกรมสรรพากร เรื่อง ขยายเวลายื่นแบบแสดงรายการการค้าและเสียภาษีการค้ากรณีทำหรือดัดแปลงรถยนต์ จำเลยจึงยื่นคำร้องขอชำระภาษีการค้าในกรณีดัดแปลงรถยนต์คันดังกล่าวแทนผู้เช่าซื้อเท่านั้น ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าตามที่โจทก์ฟ้องและผู้เช่าซื้อได้ชำระค่าภาษีการค้าให้โจทก์ครบทุกงวดแล้ว ต่อมาผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนจำเลยจึงโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ดังกล่าวให้แก่ผู้เช่าซื้อไปเรียบร้อยแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าภาษีอากรจำนวน 808,320 บาท แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2530 นางอโนทัย พรประภากรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยได้ยื่นคำร้องขอชำระภาษีการค้าในกรณีดัดแปลงสภาพรถยนต์บรรทุกยี่ห้อเบนซ์ 300 ทีดี(เก๋งแวน) เป็นรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คนพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ประเมินราคารถยนต์คันดังกล่าวเป็นเงิน726,000 บาท ภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 40 ของมูลค่ารถยนต์เป็นเงิน 290,400 บาท รายได้ส่วนท้องถิ่นในอัตราร้อยละ 10ของภาษีการค้าเป็นเงิน 29,040 บาท รวมเป็นเงิน 319,440 บาทตามเอกสารหมาย จ.1 แผ่นที่ 16 ต่อมาจำเลยได้มอบอำนาจให้นางสาวรุจิรา สุขวัฒน์ ยื่นแบบแสดงรายการการค้า (ภ.ค.40) แสดงรายการภาษีการค้าที่ต้องเสีย 319,440 บาทและระบุข้อตกลงในการผ่อนชำระค่าภาษีไว้ด้วย ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 แผ่นที่ 23 พร้อมกับชำระค่าภาษีงวดแรกจำนวน 50,000 บาท ในวันเดียวกันนั้น มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยต้องรับผิดค่าภาษีอากรจำนวน808,320 บาท หรือไม่เห็นว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องขอชำระภาษีการค้าโดยระบุว่าจำเลยเป็นเจ้าของและผู้ดัดแปลงรถยนต์บรรทุกยี่ห้อเบนซ์ 300 ดี (ที่ถูก 300 ทีดี) เก๋งแวน เป็นรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ประเมินราคารถยนต์และจำนวนภาษีที่จำเลยต้องชำระแล้วจำเลยก็ได้ยื่นแบบแสดงรายการการค้า (ภ.ค.40) แสดงรายการภาษีการค้าที่ต้องเสียจำนวน 319,440 บาท และชำระในวันยื่นแบบ50,000 บาท ส่วนที่เหลือขอผ่อนชำระรวม 54 งวด รายละเอียดปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 แผ่นที่ 23 จึงฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้ประกอบการค้าและผูกพันตนที่จะชำระภาษีการค้าตามมาตรา 79 ทวิ (5) และ 79 ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากรที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ซึ่งที่จริงแล้วจำเลยมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องชำระภาษีการค้าทั้งหมดในวันที่ยื่นแบบแสดงรายการการค้า(ภ.ค.40) การที่อธิบดีกรมสรรพากรอนุญาตให้ผู้ที่ต้องเสียภาษีการค้าดังกล่าวที่มีจำนวนตั้งแต่ 200,000 บาท ขึ้นไปผ่อนชำระเป็นงวดได้นั้น ก็ถือว่าเป็นประโยชน์แก่จำเลยแล้ว ดังนั้น แม้ว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ในภายหลัง จำเลยก็ยังคงมีหน้าที่ต้องชำระภาษีการค้าที่ค้างชำระทั้งหมดตามกฎหมายและตามคำร้องที่ยื่นขอผ่อนชำระไว้ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าหน้าที่ต้องเสียภาษีอากรเป็นของผู้เช่าซื้อรถยนต์ซึ่งเป็นเจ้าของภายหลังจากโอนกรรมสิทธิ์แล้วฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share