คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5642/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำว่า “ลักษณะนี้” ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/1 คือลักษณะ 5ของบรรพ 1 ซึ่งว่าด้วยหลักทั่วไป มิได้ใช้บังคับเฉพาะเรื่องนิติกรรม แต่ใช้บังคับในเรื่องการนับระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ด้วย และแม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 273 วรรคสามจะได้บัญญัติว่า ระยะเวลาในคำบังคับให้เริ่มนับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับหรือข้อความท้ายคำบังคับที่ระบุให้จำเลยที่ 2 ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 7 วันนับแต่วันได้รับคำบังคับ ก็ไม่อาจถือว่าเป็นข้อยกเว้นที่จะต้องนับระยะเวลาในวันแรกรวมเข้าด้วยกรณีต้องนับระยะเวลาตั้งแต่วันรุ่งขึ้นจากวันปิดคำบังคับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276 วรรคหนึ่งมีเจตนารมณ์เพื่อให้เวลาแก่ลูกหนี้ในอันที่จะปฏิบัติการชำระหนี้แก่ เจ้าหนี้ หากยังอยู่ในระยะเวลาดังกล่าวศาลก็จะยังไม่ออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ กรณีนี้แม้วันสุดท้ายแห่งระยะเวลาจะเป็นวันหยุดราชการ ซึ่งตามปกติธนาคารโจทก์จะหยุดทำการด้วย อันเป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถติดต่อกับโจทก์ได้ แต่วันเปิดทำการในวันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2538 และต่อ ๆ มาหลังจากนั้น ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ชำระหนี้แก่โจทก์แต่อย่างใดการที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีในวันเปิดทำการดังกล่าว แม้จะออกเร็วไป 1 วัน แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีก็เพิ่งไปดำเนินการบังคับคดีเมื่อกำหนดเวลาตามคำบังคับได้ล่วงพ้นไปแล้วการที่จำเลยที่ 2 มิได้ชำระหนี้ กรณีก็ต้องมีการบังคับคดีตามหมายบังคับคดีได้อยู่นั่นเอง จึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนหมายบังคับคดีและถอนการบังคับคดี

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากจำเลยยื่นคำร้องว่า ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีในวันที่ 16 มกราคม 2538 ซึ่งยังอยู่ในระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยที่ 2 ปฏิบัติตามคำบังคับจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276, 296ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนหมายบังคับคดีและการบังคับคดีที่ได้ปฏิบัติไปแล้ว และงดการบังคับคดีระหว่างรอการวินิจฉัยชี้ขาด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนหมายบังคับคดี และแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ถอนการบังคับคดี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ปรากฏว่าศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยที่ 2 ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 7 วันเจ้าพนักงานศาลปิดคำบังคับยังภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2537 ซึ่งจะมีผลเมื่อล่วงพ้น 15 วัน แล้วและเมื่อรวมกับระยะเวลาที่ให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาอีก 7 วันจึงเป็นเวลา 22 วัน โจทก์อ้างว่าระยะเวลา 22 วัน ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันปิดคำบังคับคือวันที่ 23 ธันวาคม 2537 และครบกำหนด22 วัน ในวันที่ 13 มกราคม 2538
ศาลฎีกาเห็นว่า เกี่ยวกับการนับระยะเวลานี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ. 2535 มาตรา 193/1 บัญญัติว่าการนับระยะเวลาทั้งปวงให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งลักษณะนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมาย คำสั่งศาลระเบียบข้อบังคับ หรือนิติกรรมกำหนดเป็นอย่างอื่นมาตรา 193/3 วรรคสอง บัญญัติว่า ถ้ากำหนดระยะเวลาเป็นวันสัปดาห์ เดือนหรือปีมิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลานั้นรวมเข้าด้วยกันคือให้เริ่มนับตั้งแต่วันถัดไปหรือวันรุ่งขึ้น คำว่า “ลักษณะนี้”ในมาตรา 193/1 คือลักษณะ 5 ของบรรพ 1 ซึ่งว่าด้วยหลักทั่วไปจึงเห็นได้ว่ามิได้ใช้บังคับเฉพาะเรื่องนิติกรรมดังที่โจทก์ฎีกาแต่ใช้บังคับในกรณีนี้ด้วย แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 273 วรรคสามจะได้บัญญัติว่า ระยะเวลาในคำบังคับให้เริ่มนับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับหรือข้อความท้ายคำบังคับที่ระบุให้จำเลยที่ 2 ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 7 วัน นับแต่วันได้รับคำบังคับ ก็ไม่อาจถือว่าเป็นข้อยกเว้นที่จะต้องนับระยะเวลาในวันแรกรวมเข้าด้วยกรณีต้องนับระยะเวลา 22 วัน ตั้งแต่วันรุ่งขึ้นจากวันปิดคำบังคับ คือเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2537 เป็นต้นไปและครบกำหนด 22 วัน ในวันที่ 14 มกราคม 2538 แต่วันที่14, 15 มกราคม 2538 เป็นวันเสาร์และอาทิตย์ซึ่งหยุดราชการศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีในวันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2538จำเลยที่ 2 โต้แย้งว่า เมื่อวันสุดท้ายเป็นวันหยุดราชการก็ต้องนับวันเปิดทำการเป็นวันสุดท้าย วันที่ 16 ดังกล่าวจึงยังอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยที่ 2 จะปฏิบัติตามคำบังคับได้ ยังมิได้ล่วงพ้นระยะเวลาซึ่งศาลชั้นต้นจะมีอำนาจออกหมายบังคับคดีการออกหมายบังคับคดีจึงเป็นไปโดยไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาเห็นว่าบทบัญญัติในมาตรา 276 วรรคหนึ่ง มีเจตนารมณ์เพื่อให้เวลาแก่ลูกหนี้ในอันที่จะปฏิบัติการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ หากยังอยู่ระยะเวลาดังกล่าวศาลก็จะยังไม่ออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ กรณีนี้แม้วันสุดท้ายแห่งระยะเวลาจะเป็นวันหยุดราชการซึ่งตามปกติธนาคารโจทก์จะหยุดทำการด้วย อันเป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถติดต่อกับโจทก์ได้ แต่วันเปิดทำการในวันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2538 และต่อ ๆ มาหลังจากนั้น ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ชำระหนี้แก่โจทก์แต่อย่างใด ดังนี้ ที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีในวันเปิดทำการดังกล่าว แม้จะออกเร็วไป1 วัน แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีก็มิได้ไปดำเนินการบังคับคดีเอาแก่จำเลยที่ 2 ในวันที่ออกหมายบังคับคดี แต่ไปดำเนินการบังคับคดีเมื่อกำหนดเวลาตามคำบังคับได้ล่วงพ้นไปแล้ว การที่จำเลยที่ 2 มิได้ชำระหนี้ ซึ่งก็คงต้องมีการบังคับคดีตามหมายบังคับคดีได้อยู่นั่นเอง กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนหมายบังคับคดีและถอนการบังคับคดี
พิพากษากลับเป็นว่า หมายบังคับคดีของศาลชั้นต้นลงวันที่ 16 มกราคม 2538 เฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 มีผลบังคับได้โดยชอบด้วยกฎหมายให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการต่อไปโดยไม่ต้องถอนการบังคับคดี

Share