คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5397/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้โจทก์ภายใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้มิฉะนั้นจะถือว่าทิ้งฟ้องเป็นการสั่งให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องแต่ปรากฏว่าคดีนี้ จำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแขวงนครปฐม ศาลชั้นต้นคือศาลแขวงพระนครใต้จึงมีหนังสือแจ้งให้ศาลแขวงนครปฐมให้ดำเนินการส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองแทน ต่อมาศาลแขวงนครปฐมได้แจ้ง ผลการส่งหมายมายังศาลชั้นต้นว่า ส่งให้ไม่ได้ ศาลชั้นต้นได้สั่งว่า รอโจทก์แถลง ดังนี้จึงเป็นการแสดงว่าโจทก์มิได้เป็นผู้นำส่ง หากแต่เป็นการส่งหมายข้ามเขตซึ่งศาลเป็นผู้ส่งเอง เมื่อศาลชั้นต้นมิได้แจ้งผลการส่งหมายดังกล่าว ให้โจทก์ทราบ โจทก์ย่อมไม่มีทางทราบถึงผลการส่งหมายดังกล่าวการที่โจทก์มิได้ยื่นคำแถลงให้ดำเนินการต่อไปจึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ได้ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดอันเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ศาลชั้นต้นสั่งว่า รับฟ้องนัดไต่สวนมูลฟ้องให้โจทก์นำส่งสำเนาคำฟ้องและหมายนัดให้จำเลยทราบภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ มิฉะนั้นให้ถือว่าทิ้งฟ้อง” ในชั้นส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสอง เจ้าหน้าที่ศาลรายงานเมื่อวันที่17 กรกฎาคม 2539 ว่า คดีนี้ส่งหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องให้แก่จำเลยไม่ได้ศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2539 ให้รอโจทก์แถลง จนถึงวันนี้โจทก์ยังไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลประการใดศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ทราบคำสั่งศาลโดยชอบแล้วว่า หากส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ เมื่อโจทก์ไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลแสดงว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดไว้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า การที่โจทก์ยื่นคำแถลงให้ส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องไปขอให้ศาลแขวงนครปฐม ซึ่งเป็นศาลที่จำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจจัดการส่งให้ โดยโจทก์ได้แนบตั๋วแลกเงินมาพร้อมคำแถลงเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมในการส่งและแถลงว่าหากไม่พบจำเลยทั้งสอง ณ ภูมิลำเนาตามฟ้องให้ปิดหมายการกระทำของโจทก์ดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลที่ว่าให้โจทก์นำส่งสำเนาคำฟ้องและหมายนัดให้จำเลยทราบภายใน 7 วันหากส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วันแล้ว เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยเป็นการสั่งให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้อง แต่ปรากฏว่าคดีนี้ จำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลแขวงนครปฐม ศาลชั้นต้นคือศาลแขวงพระนครใต้จึงมีหนังสือแจ้งให้ศาลแขวงนครปฐมให้ดำเนินการส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองแทน ต่อมาศาลแขวงนครปฐมได้แจ้งผลการส่งหมายมายังศาลชั้นต้นคือศาลแขวงพระนครใต้ว่า ส่งให้ไม่ได้ ศาลแขวงพระนครใต้ได้สั่งว่ารอโจทก์แถลง ดังนี้ จึงเป็นการแสดงว่าโจทก์มิได้เป็นผู้นำส่ง หากแต่เป็นการส่งหมายข้ามเขตซึ่งศาลเป็นผู้ส่งเองเมื่อศาลชั้นต้นคือศาลแขวงพระนครใต้ มิได้แจ้งผลการส่งหมายดังกล่าวให้โจทก์ทราบ โจทก์ย่อมไม่มีทางทราบถึงผลการส่งหมายดังกล่าว การที่โจทก์มิได้ยื่นคำแถลงให้ดำเนินการต่อไปจึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ได้ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดอันเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแจ้งผลการส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยทั้งสอง ให้โจทก์ทราบแล้วดำเนินการต่อไป

Share