คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2385/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกที่ยังมิได้แบ่งจำเลยมีสิทธิใช้ทรัพย์ดังกล่าวในฐานะเจ้าของรวมได้จำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียวว่าที่พิพาทไม่ใช่ทรัพย์มรดกและคดีขาดอายุความแล้ว ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำขอบังคับตามคำฟ้องโจทก์ย่อมเป็นอันตกไป การจะวินิจฉัยว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ดังที่จำเลยฎีกามาฝ่ายเดียวจึงไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป และประเด็นตามฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่าศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยเป็นการไม่ชอบนั้นหรือไม่ก็ไม่จำต้องวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายสี สิสอนตามคำสั่งศาล นายสีเป็นเจ้าของที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน(ส.ค.1) เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ จำเลยเป็นบุตรของนายสีอาศัยอยู่กับนายสี และปลูกบ้านอยู่บนที่ดินแปลงดังกล่าว โจทก์มีความประสงค์จะนำที่ดินดังกล่าวไปแบ่งปันให้ทายาท จึงได้แจ้งให้จำเลยและบริวารรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินแล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหายโดยอาจนำที่ดินออกให้บุคคลอื่นเช่าจะได้ค่าเช่าเดือนละไม่ต่ำกว่า 500 บาท ขอให้จำเลยและบริวารรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างและอื่น ๆ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินที่พิพาทห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงดังกล่าว หากจำเลยและบริวารไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยกับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละไม่ต่ำกว่า 500 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะรื้อถอนขนย้ายสิ่งปลูกสร้างและอื่น ๆออกไป
จำเลยให้การว่า ก่อนที่นายสีถึงแก่ความตาย นายสีได้แบ่งทรัพย์มรดกให้แก่บุตรทุกคนจนหมดแล้ว โดยได้ยกที่ดินตามฟ้องให้แก่จำเลยเนื่องจากจำเลยเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูนายสีจำเลยและสามีครอบครองทำกินในที่ดินทั้งสองแปลงมาโดยตลอดโจทก์ไม่เคยเข้ามาอยู่และเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าว โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตามคดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสีที่ยังมิได้แบ่งปันจึงเป็นทรัพย์ที่ทายามของนายสีเป็นเจ้าของร่วมกันจำเลยมีสิทธิที่จะใช้ทรัพย์ดังกล่าวในฐานะเข้าของรวมได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์ว่า ที่พิพาทไม่ใช่ทรัพย์มรดกและคดีขาดอายุความแล้ว
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 นายวิวัฒน์ สิสอนผู้จัดการมรดกของนายสี สิสอน โจทก์ถึงแก่กรรม นายโพธิ์ สิสอนผู้จัดการมรดกอีกคนหนึ่งของนายสี สิสอน ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค 3 อนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นอายุความต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่าที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสี สิสอน หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาททั้งสองแปลงเป็นที่ดินมรดกของนายสี
สำหรับประเด็นเรื่องอายุความที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยนั้น เห็นว่า คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำขอบังคับตามคำฟ้องโจทก์ย่อมเป็นอันตกไป การจะวินิจฉัยว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ จึงไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปกรณีไม่มีเหตุให้ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างพิพากษาใหม่อีกและประเด็นตามฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่าศาลอุทธรณ์ภาค 2 หยิบยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยเป็นการไม่ชอบนั้นก็ไม่จำต้องวินิจฉัยเช่นเดียวกัน
พิพากษากลับ เป็นให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ

Share