คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และญ.ได้นำเงินจำนวน 1,000,000 บาท ไปฝากประจำไว้แก่ธนาคาร ก. โดยมีเงื่อนไขว่า การสั่งจ่ายเงินและปิดบัญชีโจทก์และ ญ. จะต้องลงชื่อร่วมกันและธนาคารก.ได้ออกสมุดคู่ฝากไว้ให้ ต่อมา ญ. ได้นำสมุดเงินฝากดังกล่าวไปจำนำสิทธิการถอนเงินฝากจากบัญชีไว้แก่ธนาคารจำเลย เพื่อค้ำประกันหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ที่มีต่อจำเลยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ตามเอกสารหมาย จ.10 ดังนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747 การจำนำผู้จำนำจะต้องส่งมอบสังหาริมทรัพย์สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับจำนำเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ คดีนี้แม้ ญ. ส่งมอบสมุดเงินฝากให้แก่จำเลยไปแล้วก็ตามแต่เมื่อ ญ. กับโจทก์ได้ร่วมกันฝากเงินตามจำนวนในสมุดเงินฝากดังกล่าวไว้แก่ธนาคาร ก.กรรมสิทธิ์ในตัวเงินฝากย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคาร ก.ไปแล้วธนาคาร ก. คงมีหน้าที่เพียงต้องคืนเงินให้ครบจำนวนเท่านั้น การที่ ญ. นำสมุดเงินฝากประจำดังกล่าวมอบให้ไว้แก่จำเลยจึงมิใช่การจำนำเงินฝาก และลักษณะของสัญญาเอกสารหมาย จ.10ดังกล่าวก็หาใช่เป็นการจำนำสิทธิซึ่งมีตราสารดังที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 750 บัญญัติไว้ไม่ เพราะสมุดเงินฝากดังกล่าวเป็นเพียงเอกสารหลักฐานแสดงถึงการรับฝากและถอนเงินที่ผู้รับฝากให้ผู้ฝากยึดถือไว้เพื่อความสะดวกในการฝากและถอนเงินในบัญชีฝากประจำของผู้ฝาก และแสดงถึงการเป็นลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ระหว่างผู้ฝากกับธนาคารผู้รับฝากเท่านั้น จึงเป็นเอกสารธรรมดาที่ทำขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานแห่งสิทธิทั่วไป มิใช่สิทธิซึ่งมีตราสารที่ใช้แทนสิทธิหรือทรัพย์ซึ่งเป็นเอกสารที่ทำขึ้นตามแบบพิธีในกฎหมายและโอนกันได้ด้วยวิธีของตราสาร แม้เอกสารหมาย จ.10 จะไม่ใช่สัญญาจำนำ แต่การที่ ญ.ซึ่งเป็นผู้ฝากเงินตามสมุดเงินฝากที่พิพาทร่วมกับโจทก์ได้ทำสัญญาเอกสารหมาย จ.10 ไว้แก่จำเลยและมอบสมุดเงินฝากให้จำเลยไว้ตามสัญญา ในเมื่อ ญ. เป็นเจ้าของร่วมในสมุดเงินฝากคนหนึ่งซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 ให้สันนิษฐานว่าเจ้าของรวมมีส่วนเท่ากัน กรณีจึงผูกพันและบังคับกันได้ในส่วนของ ญ. เพราะมิใช่สัญญาที่ขัดต่อกฎหมาย จำเลยจึงมีสิทธิโดยชอบตามสัญญาที่จะยึดถือสมุดเงินฝากไว้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งจะขอให้จำเลยส่งมอบสมุดเงินฝากให้โจทก์ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าสัญญาจำนำสิทธิการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน บัญชีเลขที่ 283-228229-3 สมุดเงินฝากประจำ3 เดือน ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาฉะเชิงเทราจำนวนเงิน 1,000,000 บาท ตกเป็นโมฆะ หรือให้เพิกถอนการจำนำสิทธิที่จะถอนเงินฝากจากสมุดเงินฝากประจำดังกล่าว กับให้จำเลยส่งมอบสมุดเงินฝากประจำดังกล่าวคืนแก่โจทก์ หากไม่ส่งคืนให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า นางสาวญาณีเป็นเจ้าของเงินตามบัญชีเงินฝากร่วมกับโจทก์ และได้นำสมุดเงินฝากมาจำนำสิทธิการถอนเงินฝากไว้แก่จำเลยเพื่อค้ำประกันการเบิกเงินเกินบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัดสุวิภาการโยธา ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับนางสาวญาณีเรื่องการเบิกจ่ายเงินไม่ได้แจ้งให้จำเลยซึ่งรับจำนำโดยสุจริตทราบจึงไม่ผูกพันจำเลยนางสาวญาณีจะลักสมุดเงินฝากไปจากโจทก์จริงหรือไม่ ไม่ทราบ จำเลยได้แจ้งการจำนำสิทธิการถอนเงินฝากแก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาฉะเชิงเทรา แล้ว โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิบอกล้างสัญญาจำนำภายใน 1 ปี สัญญาจำนำสิทธิการถอนเงินฝากยังคงสมบูรณ์ในส่วนที่นางสาวญาณีมีสิทธิในเงินฝากจำนวน1,000,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสุวิภาการโยธา ผิดนัดไม่ชำระหนี้ จำเลยจึงมีสิทธิยึดหน่วงสมุดเงินฝากที่นางสาวญาณีจำนำไว้ และนำเงินในบัญชีหักชำระหนี้ให้แก่จำเลยได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยส่งมอบสมุดเงินฝากประจำ3 เดือน บัญชีเลขที่ 283-228229-3 ของธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาฉะเชิงเทรา แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ส่งมอบให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายว่า การจำนำสิทธิที่จะถอนเงินในบัญชีเงินฝากตามฟ้องระหว่างนางสาวญาณี ศรีทองคำกับจำเลยชอบหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่า วันที่12 ตุลาคม 2532 โจทก์และนางสาวญาณี ได้นำเงินจำนวน1,000,000 บาท ไปฝากประจำไว้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาฉะเชิงเทรา บัญชีเลขที่ 283-228229-3 โดยมีเงื่อนไขว่าการสั่งจ่ายเงินและปิดบัญชีโจทก์และนางสาวญาณีจะต้องลงชื่อร่วมกันตามเอกสารหมาย จ.1 และธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาฉะเชิงเทรา ได้ออกสมุดคู่ฝากไว้ให้ตามเอกสารหมาย ล.11ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2534 นางสาวญาณีได้นำสมุดเงินฝากตามเอกสารหมาย ล.11 ดังกล่าวไปจำนำสิทธิการถอนเงินฝากจากบัญชีไว้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาสะพานใหม่ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของจำเลยเพื่อค้ำประกันหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดสุวิภาการโยธาที่มีต่อจำเลยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.10 หรือ ล.12 ดังนี้ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747 การจำนำผู้จำนำจะต้องส่งมอบสังหาริมทรัพย์สิ่งหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับจำนำเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ คดีนี้แม้นางสาวญาณีส่งมอบสมุดเงินฝากตามเอกสารหมาย ล.11 ให้แก่จำเลยไปแล้วก็ตามแต่เมื่อนางสาวญาณีกับโจทก์ได้ร่วมกันฝากเงินตามจำนวนในสมุดเงินฝากดังกล่าวไว้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาฉะเชิงเทรากรรมสิทธิ์ในตัวเงินฝากย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาฉะเชิงเทรา ไปแล้ว ธนาคารผู้รับฝากคงมีหน้าที่เพียงต้องคืนเงินให้ครบจำนวนเท่านั้น การที่นางสาวญาณีนำสมุดเงินฝากประจำดังกล่าวมอบให้ไว้แก่จำเลยจึงมิใช่การจำนำเงินฝากและแม้ตามเอกสารหมาย จ.10 หรือ ล.12 จะมีข้อความว่า”จำนำสิทธิที่จะถอนเงินจากบัญชีเงินฝากนี้ไว้กับธนาคารกรุงไทยจำกัด (เจ้าหนี้) เพื่อเป็นประกันหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดสุวิภาการโยธา (ลูกหนี้) ซึ่งเป็นลูกหนี้อยู่ในขณะนี้หรือเป็นลูกหนี้ในเวลาในเวลาหนึ่งต่อไปภายหน้าต่อธนาคารนี้เป็นจำนวนเงิน1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) บัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือนเลขที่ 283-228229-3 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาฉะเชิงเทราจำนวนเงินในบัญชี 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) ลักษณะดังกล่าวก็หาใช่เป็นการจำนำสิทธิซึ่งมีตราสารดังที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 750 บัญญัติไว้ไม่ เพราะสมุดเงินฝากดังกล่าวเป็นเพียงเอกสารหลักฐานแสดงถึงการรับฝากและถอนเงินที่ผู้รับฝากให้ผู้ฝากยึดถือไว้เพื่อความสะดวกในการฝากและถอนเงินในบัญชีฝากประจำของผู้ฝาก และแสดงถึงการเป็นลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ระหว่างผู้ฝากกับธนาคารผู้รับฝากเท่านั้น จึงเป็นเอกสารธรรมดาที่ทำขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานแห่งสิทธิทั่วไป มิใช่สิทธิซึ่งมีตราสารที่ใช้แทนสิทธิหรือทรัพย์ซึ่งเป็นเอกสารที่ทำขึ้นตามแบบพิธีในกฎหมายและโอนกันได้ด้วยวิธีของตราสาร แม้เอกสารหมายจ.10 หรือ ล.12 จะไม่ใช่สัญญาจำนำดังที่วินิจฉัยมาแล้วแต่การที่นางสาวญาณีซึ่งเป็นผู้ฝากเงินตามสมุดเงินฝากที่พิพาทร่วมกันโจทก์ได้ทำสัญญาตามเอกสารหมาย จ.10 หรือ ล.12ไว้กับจำเลยและมอบสมุดเงินฝากให้จำเลยไว้ตามสัญญา ในเมื่อนางสาวญาณีเป็นเจ้าของร่วม ในสมุดเงินฝากคนหนึ่งซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 ให้สันนิษฐานว่าเจ้าของรวมมีส่วนเท่ากัน กรณีจึงผูกพันและบังคับกันได้ในส่วนของนางสาวญาณีเพราะมิใช่สัญญาที่ขัดต่อกฎหมาย จำเลยจึงมีสิทธิ โดยชอบตามสัญญาที่จะยึดถือสมุดเงินฝากไว้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งจะขอให้จำเลยส่งมอบสมุดเงินฝากให้โจทก์ไม่ได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share