คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6606/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตาม น.ส.3เลขที่ 128 ของจำเลยที่ 1 ที่จดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ออกขายทอดตลาด ผู้ร้องทั้งสี่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 57274 ซึ่งเดิมคือที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 128และได้ฟ้องกรมบังคับคดี โจทก์และจำเลยที่ 1 ตลอดจนผู้มีชื่อทางทะเบียนก่อนตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสี่เป็นอีกคดีหนึ่งเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องทั้งสี่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีไว้ก่อน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่ให้ชำระหนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดและสัญญาจำนอง ต่อมาโจทก์และจำเลยทั้งสี่ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมแล้วแต่จำเลยทั้งสี่ไม่ชำระหนี้แก่โจทก์โจทก์จึงขอให้บังคับคดีแล้วนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินหลายแปลงรวมทั้งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 128 ของจำเลยที่ 1ที่จดทะเบียนจำนองไว้กับโจทก์ออกขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ให้แก่โจทก์ซึ่งให้ราคาสูงสุดเป็นเงิน 300,000 บาท ต่อมาศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวของจำเลยที่ 1 โดยให้ประกาศขายใหม่
ผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 57274 ซึ่งเดิมคือที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 128 โดยซื้อมาจากนายเลิศพงษ์ อภิเนาว์นิเวศน์ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2536อันเป็นการได้มาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนจึงได้สิทธิครอบครองในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ คำพิพากษาศาลฎีกาไม่มีผลผูกพันผู้ร้องทั้งสี่ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก โดยไม่มีสิทธินำโฉนดที่ดินเลขที่ 57274 ออกขายทอดตลาดใหม่ ทั้งผู้ร้องทั้งสี่ไม่ได้รับชดใช้ราคาที่ดินและค่าเสียหาย นอกจากนี้ผู้ร้องทั้งสี่ได้ฟ้องกรมบังคับคดี โจทก์และจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ตลอดจนผู้มีชื่อทางทะเบียนก่อนตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง และผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวเพื่อระงับการทำนิติกรรมใด ๆในโฉนดที่ดินเลขที่ 57274 ปรากฏตามคดีหมายเลขดำที่ 1605/2537ของศาลชั้นต้น ดังนั้นจึงขอให้งดการบังคับคดีนี้ไว้เป็นการชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาคดีที่ผู้ร้องทั้งสี่ได้ยื่นฟ้องไว้แล้วจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีไม่มีเหตุสมควรให้งดการบังคับคดีจึงให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยนำยึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 128ของจำเลยที่ 1 ที่จดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ออกขายทอดตลาดการที่ผู้ร้องทั้งสี่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 57274ซึ่งเดิมคือที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 128 ที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ และศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ประกาศขายทอดตลาดใหม่ ผู้ร้องทั้งสี่ได้ฟ้องกรมบังคับคดี โจทก์และจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ ตลอดจนผู้มีชื่อทางทะเบียนก่อนตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสี่เป็นอีกคดีหนึ่งเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าวนั้น ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องทั้งสี่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีนี้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280ผู้ร้องทั้งสี่จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งงดการบังคับคดีไว้ก่อน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลฎีกาของผู้ร้องทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น อนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 1ยังไม่ได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งให้ถูกต้อง”
พิพากษายืน

Share