คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9337/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในชั้นร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288กฎหมายประสงค์ให้ศาลที่ออกหมายบังคับคดีชี้ขาดเพียงว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้หรือไม่เท่านั้น จะไปวินิจฉัยว่า ฮ.เจ้ามรดกไม่ได้กู้ยืมเงินจากโจทก์ไม่ได้ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาดังกล่าว จึงเป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นชั้นร้องขัดทรัพย์

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายฮ้อ ทิพรักษ์ ผู้ตายชำระหนี้ที่นายฮ้อกู้ยืมเงินไปจากโจทก์พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 50,000 บาท ซึ่งคดีดังกล่าวโจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยตกลงจะชำระเงินจำนวน 50,000 บาท ให้โจทก์ภายใน 1 เดือนนับแต่ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน หากผิดนัดยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแต่เมื่อถึงกำหนดจำเลยผิดนัด โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 11062 ตำบลนางลือ อำเภอเมืองชัยนาทจังหวัดชัยนาท เนื้อที่ 6 ไร่ ที่นายฮ้อกับนางผัน ทิพรักษ์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของนายฮ้อนายฮ้อได้ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองยกให้แก่ผู้ร้องซึ่งผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายฮ้อให้แบ่งที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของนางฮ้อ เนื้อที่ 3 ไร่ให้แก่ผู้ร้อง ที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของนายฮ้อจึงเป็นของผู้ร้องหนังสือสัญญากู้ยืมเงินระหว่างโจทก์กับนายฮ้อฉบับลงวันที่23 พฤษภาคม 2531 เป็นเอกสารปลอม เพราะลายมือชื่อในช่องผู้กู้มิใช่ลายมือชื่อของนายฮ้อ และทำขึ้นหลังจากนายฮ้อถึงแก่ความตาย ขอให้ปล่อยที่ดินพิพาท
โจทก์ให้การว่า นายฮ้อเป็นหนี้โจทก์ตามหนังสือสัญญากู้ยืมลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2531 เป็นเงิน 40,000 บาทจริงและทำกันไว้ก่อนที่นายฮ้อจะถึงแก่ความตาย เอกสารดังกล่าวมิใช่เอกสารปลอมที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของนายฮ้อเป็นทรัพย์มรดกของนายฮ้อ เมื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายฮ้อมิได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมที่จำเลยทำไว้แก่โจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิยึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ได้ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยที่ดินพิพาท ขอให้ยกคำร้อง
จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทที่โจทก์นำยึดมิใช่ทรัพย์สินของผู้ร้อง แต่เป็นทรัพย์สินของกองมรดกของนายฮ้อ จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายฮ้อผู้ร้องไม่ใช่ผู้จัดการมรดกของนายฮ้อจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยที่ดินพิพาท โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของนายฮ้อมีสิทธิยึดที่ดินนำพิพาทออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ได้ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่านายฮ้อได้ทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินไปจากโจทก์ การทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นไปโดยไม่สุจริต โจทก์จึงไม่มีสิทธินำยึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอให้ปล่อยที่ดินพิพาทได้พิพากษาให้ปล่อยที่ดินโฉนดเลขที่ 11042 เล่มที่ 111 หน้า 42 เลขที่ดิน 77 หน้าสำรวจ 908 ตำบลนางลืออำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท คืนเข้าสู่กองมรดกของนายฮ้อ ทิพรักษ์ ผู้ตาย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องประการแรกว่า ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นายฮ้อไม่ได้กู้ยืมเงินจากโจทก์เป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นหรือไม่ เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคแรกบัญญัติว่า “ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งมาตรา 55 ถ้าบุคคลใดกล่าวอ้างว่าจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้ ฯลฯบุคคลนั้นอาจยื่นคำร้องขอต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีให้ปล่อยทรัพย์สินเช่นว่านั้น ฯลฯ” บทบัญญัติดังกล่าวแสดงว่าในชั้นร้องขัดทรัพย์กฎหมายประสงค์ให้ศาลที่ออกหมายบังคับคดีชี้ขาดเพียงว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดไว้หรือไม่เท่านั้น จะไปวินิจฉัยว่านายฮ้อเจ้ามรดกไม่ได้กู้ยืมเงินจากโจทก์ไม่ได้ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาดังกล่าวจึงเป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นชั้นร้องขัดทรัพย์ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาต่อไปว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยเกินไป 15 วัน และโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัวมิใช่ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายฮ้อนั้น ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องนอกประเด็นในชั้นร้องขัดทรัพย์ทั้งสิ้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share