คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8346/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายชัดแจ้งว่า โจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นดอกเบี้ย โดยระบุอัตราดอกเบี้ย ต้นเงินและระยะเวลาที่คิดดอกเบี้ยเป็นเวลา 4 ปี ซึ่งสามารถคิดคำนวณจำนวนดอกเบี้ยดังกล่าวได้แล้ว โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าจำนวนดอกเบี้ยรายเดือนเป็นเงินเดือนละเท่าใดอีกและคำฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า โจทก์ขายเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้แก่ผู้ซื้อโดยจำเลยในฐานะกรรมการบริษัทซึ่งมีฐานะเป็นตัวแทนหรือผู้แทนของบริษัทตามบทบัญญัติของกฎหมายเป็นผู้ดำเนินการแทน และจำเลยได้รับเงินมัดจำกับเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อไว้แทนโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนต้องส่งมอบเงินแก่โจทก์ จึงเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ฟ้องโจทก์หาเคลือบคลุมไม่ โจทก์ฟ้องให้จำเลยส่งมอบเงินค่าขายสินค้าที่จำเลยได้รับไว้แทนให้แก่โจทก์ เป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะตัวแทน มิใช่กรณีพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของซึ่งมีอายุความ 2 ปี และกรณีตัวการฟ้องเรียกเงินและทรัพย์สินอย่างอื่นบรรดาที่ตัวแทนรับไว้เกี่ยวด้วยการเป็นตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 810 กฎหมายไม่ได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2527 บริษัทสหฟาร์ม จำกัด หรือบริษัทไก่ไทย จำกัด ได้สั่งซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากโจทก์ 1 เครื่อง ราคา 1,200,000 บาทชำระงวดแรก 300,000 บาท ส่วนที่เหลือผ่อนชำระเป็น 10 งวดงวดละ 90,000 บาท รวมเป็นเงิน 900,000 บาท ในการขายดังกล่าวจำเลยในฐานะกรรมการบริษัทโจทก์ในขณะนั้นเป็นผู้ดำเนินการแทนโจทก์และจำเลยได้รับเงินค่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดังกล่าวจำนวน 1,200,000 บาท ไว้แทนโจทก์เรียบร้อยแล้ว แต่จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนไม่นำเงินจำนวนดังกล่าวส่งมอบคืนแก่โจทก์จนถึงปัจจุบัน โจทก์ได้ติดต่อทวงถามจำเลยแล้วแต่จำเลยคงเพิกเฉยการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 1,200,000 บาท และดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2528จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 360,000 บาท และดอกเบี้ยอัตราดังกล่าวในต้นเงิน 1,200,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้เป็นผู้ดำเนินการแทนโจทก์ในการซื้อขายเครื่องกำเนิดไฟฟ้าตามฟ้องโจทก์ อีกทั้งไม่ได้เป็นตัวแทนรับเงินค่ามัดจำและราคาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพิพาทแทนโจทก์ โจทก์ไม่เคยทวงถามให้จำเลยคืนเงินจำนวน 1,200,000บาท และไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,200,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 28สิงหาคม 2530 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องเรียกดอกเบี้ย 4 ปี เป็นเงิน 360,000 บาท แต่ไม่กำหนดชัดเจนว่าคิดดอกเบี้ยเป็นรายเดือนเดือนละเท่าใด และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์และเป็นตัวแทนโจทก์ จำเลยไม่อาจทราบได้ว่าโจทก์ต้องการให้จำเลยเป็นตัวแทนหรือผู้แทน ฟ้องโจทก์จึงเคลือบคลุมนั้น สำหรับเรื่องดอกเบี้ยเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายชัดแจ้งว่าโจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นดอกเบี้ยโดยระบุอัตราดอกเบี้ย ต้นเงิน และระยะเวลาที่คิดดอกเบี้ยเป็นเวลา 4 ปีซึ่งสามารถคิดคำนวณจำนวนดอกเบี้ยดังกล่าวได้แล้ว โจทก์จึงไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าจำนวนดอกเบี้ยรายเดือนเป็นเงินเดือนละเท่าใดอีก ส่วนคำฟ้องที่ว่าจำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์และเป็นตัวแทนโจทก์ นั้นเห็นว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด โดยสภาพแล้วไม่สามารถกระทำการด้วยตนเองได้ เว้นแต่จะกระทำโดยผู้แทน ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 เดิม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1167บัญญัติว่า ความเกี่ยวพันกันในระหว่างกรรมการและบริษัทและบุคคลภายนอกนั้น ท่านให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยตัวแทน ดังนี้กรรมการจึงมีฐานะเป็นผู้แทนและเป็นตัวแทนของบริษัท การเป็นตัวแทนดังกล่าวนี้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายหาจำต้องมีหนังสือแต่งตั้งตัวแทนดังที่จำเลยฎีกาไม่ คำฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่าโจทก์ขายเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้แก่ผู้ซื้อโดยจำเลยในฐานะกรรมการเป็นผู้ดำเนินการแทน และจำเลยได้รับเงินมัดจำกับเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อไว้แทนโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนต้องส่งมอบเงินแก่โจทก์จึงเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ฟ้องโจทก์หาเคลือบคลุมไม่
ปัญหาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่ผู้ค้ำเรียกเอาเงินคืนจากการส่งสินค้าจึงมีอายุความ 2 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความนั้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยส่งมอบเงินค่าขายสินค้าที่จำเลยได้รับไว้แทนให้แก่โจทก์ เป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะตัวแทน มิใช่กรณีพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของซึ่งมีอายุความ 2 ปี ดังที่จำเลยฎีกา และกรณีตัวการฟ้องเรียกเงินและทรัพย์สินอย่างอื่นบรรดาที่ตัวแทนรับไว้เกี่ยวด้วยการเป็นตัวแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 810 กฎหมายไม่ได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164เดิม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น จำเลยรับค่ามัดจำไว้แทนโจทก์เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2527 และรับเงินค่าสินค้าไว้แทนโจทก์วันที่ 3 สิงหาคม 2527 นับถึงวันที่โจทก์ยื่นฟ้องคือวันที่ 3 ตุลาคม 2532 ยังไม่เกิน 10 ปีคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share