คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8187/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่จำเลยยื่นคำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ แต่การที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยถอนคำคัดค้านดังกล่าวไม่ใช่เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 คดีของโจทก์จึงไม่อยู่ในบังคับอายุความบทบัญญัติดังกล่าว นอกจากนี้คำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้นยังไม่มีการเปรียบเทียบต้องถือว่าคำคัดค้านนั้นยังมีอยู่ ดังนั้นแม้การที่จำเลยยื่นคำคัดค้านเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์อยู่ ในวันนั้น แต่เมื่อจำเลยไม่ยอมถอนคำคัดค้านทำให้คำคัดค้านนั้นยังมีอยู่ จึงเป็นการทำละเมิดต่อเนื่องกันตลอดมาจนถึงวันฟ้อง คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยาของนายเชิด ขันการขายโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า 1 แปลง ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 1 ตำบลสะแกกรัง อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานีเนื้อที่ 4 ไร่ 1 งาน 73 ตารางวา เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2520โจทก์และสามีได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอเมืองอุทัยธานีเพื่อให้ทำการรังวัดและออกเอกสารสิทธิหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำการรังวัดและจะออกเอกสารสิทธิให้แก่โจทก์ ต่อมาวันที่ 28 เมษายน 2520 จำเลยเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ยื่นคำรัดค้านการขอเอกสารสิทธิของโจทก์ต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอเมืองอุทัยธานีว่า โจทก์และสามีนำพนักงานเจ้าหน้าที่รังวัดเข้าไปในที่ดินของจำเลย ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อาจจะออกเอกสารสิทธิหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)ได้ ความจริงโจทก์และสามีมิได้นำพนักงานเจ้าหน้าที่รังวัดเข้าไปในที่ดินของจำเลย เพราะจำเลยไม่มีที่ดินติดต่อกับที่ดินของโจทก์ หลังจากนั้นอีก 2 ปี สามีโจทก์ถึงแก่ความตายโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยถอนคำคัดค้าน แต่จำเลยไม่ยอม การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจละเมิดต่อโจทก์ติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันขอให้บังคับจำเลยถอนคำคัดค้านการออกเอกสารสิทธิหนังสือรับรองการทำประโยชน์และห้ามเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิในที่ดินของโจทก์อีกต่อไป ถ้าจำเลยไม่ยอมถอนคำคัดค้านให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยยื่นคำคัดค้านเป็นการละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2520 โจทก์ต้องนำคดีมาฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันนั้นเป็นต้นไป แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้หลังจากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยถอนคำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ถ้าจำเลยไม่ยอมถอนคำคัดค้านให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องการออกเอกสารสิทธิในที่ดินของโจทก์อีกต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้เป็นยุติว่าโจทก์เป็นบุตรชายของนายสุขและนางเป้า สุราฤทธิ์ นายสุขและนางเป้ามีที่ดินตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 1 ตำบลสะแกกรังอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี 1 แปลง ในปี 2520นายสุขและนางเป้ายกที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่บุตรคนละ 5 ไร่เศษโดยในส่วนของโจทก์นั้นได้ยกให้โจทก์และนายเชิด ขันการขายสามีโจทก์ หลังจากได้รับการยกให้ที่ดินดังกล่าวแล้วโจทก์และนายเชิดสามีโจทก์ได้ยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) สำหรับที่ดินที่ได้รับยกให้ดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอเมืองอุทัยธานีในปีนั้นเอง พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ออกไปทำการรังวัดและทำแผนที่ที่ดินตามสำเนาแบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจน์การทำประโยชน์เพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เอกสารหมาย จ.3 และสำเนารูปแผนที่เอกสารหมาย จ.4 แต่ไม่สามารถออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ให้โจทก์และสามีโจทก์ได้ เพราะจำเลยซึ่งเป็นสามีโจทก์ได้ยื่นคำคัดค้านตามสำเนาคำขอคัดค้านเอกสารหมาย จ.5 เมื่อเดือนเมษายน 2520 ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของนายไข่และนางเผื่อน ขันการขาย บิดามารดาของจำเลย ความจริงบิดามารดาของจำเลยมีที่ดิน 1 แปลง ตั้งอยู่ที่ตำบลสะแกกรัง อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี โดยอยู่คนละฝั่งแม่น้ำกันกับที่ดินของโจทก์และสามีโจทก์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ที่ดินเรียกจำเลยให้มาถอนคำคัดค้าน แต่จำเลยไม่ยอมถอนสามีโจทก์ถึงแก่ความตายหลังจากที่โจทก์และสามีโจทก์ได้ยื่นคำขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้ว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงข้อเดียวว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยยื่นคำคัดค้านในการที่โจทก์ขอออกเอกสารสิทธิเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2520เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ชอบที่จะดำเนินคดีฟ้องร้องจำเลยภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ 28 เมษายน2520 แต่โจทก์ฟ้องจำเลยในปี 2535 คดีโจทก์ย่อมขาดอายุความแล้วนั้นเห็นว่า แม้การที่จำเลยยื่นคำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์และสามีโจทก์เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ก็ตาม แต่การที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยถอนคำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ไม่ใช่เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448คดีของโจทก์จึงไม่อยู่ในบังคับอายุความตามบทบัญญัติดังกล่าวนอกจากนี้แล้วยังได้ความจากนายมังกร ประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ที่ดิน 4 รักษาการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอเมืองอุทัยธานีพยานโจทก์ด้วยว่า คำคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามสำเนาคำขอคัดค้านเอกสารหมาย จ.5ที่จำเลยได้คัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์นั้นยังไม่มีการเปรียบเทียบ ต้องถือว่าคำคัดค้านนั้นยังมีอยู่ดังนั้น แม้การที่จำเลยยื่นคำคัดค้านตามสำเนาคำขอคัดค้านเอกสารหมาย จ.5 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2520 เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ในอันที่จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการรังวัดเพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ที่ดินที่โจทก์ครอบครองทำประโยชน์อยู่ในวันนั้น แต่เมื่อจำเลยไม่ยอมถอนคำคัดค้าน ทำให้คำคัดค้านนั้นยังมีอยู่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ที่ต่อเนื่องกันตลอดมาจนถึงปัจจุบัน คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษายืน

Share