แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ไม่เคยฟ้องจำเลยขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ในคดีนี้แต่โจทก์เคยยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในคดีที่เจ้าหน้าอื่นฟ้องจำเลยและศาลยกคำร้องเพราะหนี้โจทก์ยังไม่ถึงกำหนดชำระฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกค้าโจทก์โดยเปิดบัญชี ประเภทกระแสรายวัน เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2528 จำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์ในวงเงิน 300,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 17.5 ต่อปี กำหนดชำระให้เสร็จภายในวันที่ 20 พฤศจิกายน2529 และยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยทบต้นได้เพื่อประกันหนี้ดังกล่าวจำเลยได้จำนองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไว้แก่โจทก์ปรากฏตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ถึง 5 เมื่อทำสัญญาแล้วจำเลยได้เดินสะพัดทางบัญชีกับโจทก์เรื่อยมา และมีการต่อสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไปอีกหลายครั้ง ต่อมาโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยกู้เบิกเงินเกินบัญชีต่อไปจึงบอกเลิกสัญญาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย รวมต้นเงินและดอกเบี้ยที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์คิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 483,700.56 บาท ขอศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 483,700.56 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 19 ต่อปีจากต้นเงิน 466,226.64 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จหากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาด ถ้าได้เงินไม่พอชำระให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จนครบ
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 86/2531 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน405,230.96 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน2533 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยดอกเบี้ยระหว่างวันที่21 พฤศจิกายน 2533 ถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2533 คิดให้ไม่เกินร้อยละ 16.5 ต่อปี ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2533เป็นต้นไปคิดให้ไม่เกินร้อยละ 19 ต่อปี หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ ถ้าไม่พอใจให้จำเลยชำระส่วนที่ขาดจนครบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ 300,000 บาท ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเอกสารหมาย จ.5 และจำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้ซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 86/2531 ของศาลชั้นต้น ข้อนี้จำเลยเบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านว่า โจทก์ไม่เคยฟ้องจำเลย เพียงแต่โจทก์ขอรับชำระหนี้ในคดีที่เจ้าหนี้อื่นฟ้องจำเลย แต่ศาลยกคำร้องเพราะหนี้โจทก์ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ฉะนั้น ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148
พิพากษายืน