คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5480/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องโดยยกข้ออ้างซึ่งเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นเจ้าของหุ้นบริษัทจำเลย เพราะโจทก์จองหุ้นจากจำเลยโดยจำเลยประกาศขายหุ้นเพิ่มทุน จำเลยให้การรับว่าโจทก์เคยเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลย โดยได้รับโอนหุ้นมาจากบุคคลภายนอกและจำเลยได้ส่งมอบใบหุ้นให้แก่โจทก์เรียบร้อยแล้วข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า โจทก์เป็นเจ้าของหุ้นบริษัทจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง จึงไม่ใช่กรณีโจทก์นำสืบไม่สมฟ้อง เมื่อจำเลยให้การรับว่าโจทก์เคยเป็นเจ้าของหุ้นจำนวน150 หุ้น ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามที่จำเลยให้การ แต่เมื่อจำเลยให้การต่อสู้โดยยกข้ออ้างขึ้นใหม่ว่าจำเลยได้ส่งมอบใบหุ้นให้แก่โจทก์แล้ว และต่อมาโจทก์ได้โอนหุ้นไปให้แก่บุคคลภายนอกแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 โจทก์เป็นเจ้าของหุ้นซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องทำใบหุ้นและส่งมอบให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1127 วรรคแรก โจทก์จึงมีสิทธิที่จะติดตามเอาใบหุ้นจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณกลางปี พ.ศ. 2511 จำเลยได้ประกาศขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทจำเลยแก่ประชาชนทั่วไป โจทก์ได้จองหุ้นดังกล่าวจำนวน 150 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ตามมูลค่าและชำระราคาหุ้นแล้ว จำเลยตกลงจะจัดส่งใบหุ้นให้แก่โจทก์ต่อไปโดยระบุชื่อโจทก์ในทะเบียนรายนามผู้ถือหุ้นของจำเลย โจทก์ถือหุ้นจำนวน 150 หุ้น แต่จำเลยไม่เคยมอบใบหุ้นให้แก่โจทก์โจทก์ทวงถามให้จำเลยมอบใบหุ้นให้แก่โจทก์ จำเลยบ่ายเบี่ยงตลอดมา โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยให้มอบใบหุ้นและจ่ายเงินปันผลให้แก่โจทก์ จำเลยคงเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบใบหุ้นของจำเลยจำนวน 150 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาทโดยระบุชื่อโจทก์ให้แก่โจทก์ หากไม่สามารถส่งมอบใบหุ้นได้ก็ให้ใช้ราคาหุ้นแทนคิดเป็นราคาหุ้นละ 6,026 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 903,900 บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ตกลงขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่โจทก์แต่โจทก์เคยเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลยโดยได้รับโอนหุ้นมาจากบุคคลภายนอก จำเลยได้ส่งมอบใบหุ้นแก่โจทก์เรียบร้อยแล้ว ต่อมาในระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2512 ถึงวันที่ 24 เมษายน 2513โจทก์ได้โอนหุ้นไปให้แก่บุคคลภายนอก โจทก์จึงไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นของจำเลยอีกต่อไป โจทก์มิได้ใช้สิทธิเรียกร้องตามข้อตกลงภายในกำหนดระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่อาจใช้สิทธิเรียกร้องได้ แต่ล่วงเลยเวลามากว่า 20 ปี แล้ว ฟ้องจึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยออกใบหุ้นจำนวน 150 หุ้นมูลค่าหุ้นละ 100 บาท ชนิดระบุชื่อของโจทก์ให้แก่โจทก์มิฉะนั้นให้ชำระเงินแทนจำนวน 903,900 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาข้อแรกว่า โจทก์ตั้งเรื่องฟ้องมาเป็นเรื่องการจองหุ้นใหม่ แต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องโจทก์รับโอนหุ้นจากบุคคลภายนอกจึงขัดกับฟ้อง ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์สืบได้ไม่สมฟ้อง เห็นว่าโจทก์ฟ้องโดยยกข้ออ้างซึ่งเป็นหลักแห่งข้อหาว่า โจทก์เป็นเจ้าของหุ้นจำเลย เพราะโจทก์จองหุ้นจากจำเลยโดยจำเลยประกาศขายหุ้นเพิ่มทุน จำเลยให้การรับว่าโจทก์เคยเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลย โดยได้รับโอนหุ้นมาจากบุคคลภายนอกและจำเลยได้ส่งมอบใบหุ้นให้แก่โจทก์เรียบร้อยแล้ว ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของหุ้นบริษัทจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง จึงไม่ใช่กรณีโจทก์นำสืบไม่สมฟ้อง จำเลยฎีกาต่อไปว่า จำเลยไม่เห็นด้วยที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเอกสารหมาย จ.3 จำเลยจดแจ้งไว้โดยชัดแจ้งรับว่าโจทก์เป็นเจ้าของหุ้นจำนวน 150 หุ้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยให้การรับว่า โจทก์เคยเป็นเจ้าของหุ้นจำนวน150 หุ้น ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามที่จำเลยให้การ และเมื่อจำเลยให้การต่อสู้โดยยกข้ออ้างขึ้นใหม่ว่า จำเลยได้ส่งมอบใบหุ้นให้แก่โจทก์แล้ว และต่อมาโจทก์ได้โอนหุ้นไปให้แก่บุคคลภายนอกแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 ข้อนี้นายอุดม จุลทอง พยานจำเลยเบิกความว่า ได้ตรวจสอบเอกสารในช่วงปี พ.ศ. 2511 ถึง พ.ศ. 2513 ไม่พบว่า โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยเข้าใจว่าโจทก์จะต้องโอนหุ้นให้แก่ผู้อื่นไปแล้ว ส่วนจะโอนช่วงใดไม่แน่ชัด ส่วนนายชำนะ ชลวานิช พยานจำเลยอีกปากหนึ่งเบิกความว่า เชื่อว่าโจทก์มิได้เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยเนื่องจากภายหลังที่โจทก์ได้รับเงินปันผลครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2512 แล้ว การจ่ายเงินปันผลในงวดต่อมาในเดือนเมษายน 2513 ไม่ปรากฏชื่อโจทก์ที่จะได้รับเงินปันผลในฐานะผู้ถือหุ้น ซึ่งแสดงว่าโจทก์ได้โอนหุ้นของบริษัทจำเลยให้บุคคลภายนอกไปแล้ว เห็นว่า พยานจำเลยเพียงแต่คาดหมายว่าโจทก์ได้โอนหุ้นให้บุคคลอื่นไปแล้วเท่านั้น ไม่มีพยานเอกสารมาแสดงจึงเลื่อนลอย ข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าโจทก์ได้โอนหุ้นให้บุคคลอื่นไปแล้ว จำเลยฎีกาข้อสุดท้ายว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่วินิจฉัยข้างต้นว่า โจทก์เป็นเจ้าของหุ้น ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องทำใบหุ้นและส่งมอบให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1127 วรรคแรก โจทก์จึงมีสิทธิที่จะติดตามเอาใบหุ้นจากจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share