แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เนื้อที่ 1 ไร่ 32 ตารางวาโจทก์ได้นำเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินพิพาทเพื่อขอออกโฉนดที่ดินจำเลยได้คัดค้านการขอออกโฉนดที่ดิน ขอให้เพิกถอนคำคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดิน จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ทั้งสองออกทับที่ดินโฉนดเลขที่ 972 ของจำเลยขอให้ยกฟ้องและให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ทั้งสองคดีจึงมีประเด็นว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ออกทับโฉนดที่ดินของจำเลยหรือไม่ ซึ่งเป็นกรณีพิพาทกันว่าที่ดินพิพาทเป็นของใคร จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาท
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า เมื่อปี 2515 โจทก์ที่ 1 และนายชาญชัยชาวน้ำ สามีซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เล่มที่ 7หน้า (124) 62 จากนายกุ่ย ลักกรูด นายชาญชัยถึงแก่ความตายโจทก์ที่ 2 รับมรดกเฉพาะส่วนของนายชาญชัย โจทก์ทั้งสองครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและทำประโยชน์โดยทำเป็นป่าจาก ทั้งได้สิทธิในที่ดินตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 325/2528 ของศาลชั้นต้น ต่อมาเมื่อวันที่ 21 เมษายน2532 โจทก์ทั้งสองนำเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดเพื่อขอออกโฉนดที่ดินไม่มีผู้ใดคัดค้านเดือนสิงหาคม 2532 จำเลยได้คัดค้านการขอออกโฉนดที่ดิน โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและมิได้ครอบครองทำประโยชน์ ทำให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาครไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ขอให้บังคับจำเลยเพิกถอนคำคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาครหากจำเลยไม่ยอมเพิกถอนก็ขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนา
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) ตามฟ้องออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายเพราะออกทับที่ดินโฉนดที่ 972ของจำเลยกับพวก เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2532 โจทก์นำเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินรังวัดรุกล้ำที่ดินของจำเลยกับพวก จำเลยจึงมีสิทธิคัดค้านการรังวัดของโจทก์ได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้องและมีคำสั่งให้เพิกถอน น.ส.3 ของโจทก์ทั้งสอง เล่มที่ 7 หน้า สารบบเล่ม19 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร และมีคำสั่งให้อธิบดีกรมที่ดินหรือผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เพิกถอน น.ส.3ดังกล่าวออกจากสารบบทะเบียนที่ดิน
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ออกโดยชอบด้วยประมวลกฎหมายที่ดิน ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยเพิกถอนคำคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร หากไม่ยอมเพิกถอนก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ 1,500 บาท ยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เล่มที่ 7 หน้า (124) 62 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาครจังหวัดสมุทรสาคร เนื้อที่ 1 ไร่ 32 ตารางวา โจทก์ทั้งสองได้นำเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินพิพาทเพื่อขอออกโฉนดที่ดิน จำเลยได้คัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินขอให้เพิกถอนคำคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ทั้งสองออกทับที่ดินโฉนดที่ 972 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาครจังหวัดสมุทรสาคร ของจำเลย ขอให้ยกฟ้องและให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ทั้งสอง คดีจึงมีประเด็นว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ทั้งสองออกทับโฉนดที่ดินของจำเลยหรือไม่ซึ่งเป็นกรณีพิพาทกันว่าที่ดินพิพาทเป็นของใคร จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาทซึ่งมีราคา 150,000 บาท ดังนั้นราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาจึงไม่เกินสองแสนบาท ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยนำสืบไม่ได้ว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ทั้งสองออกทับโฉนดที่ดินของจำเลย จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานของจำเลยนำสืบฟังได้ว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ทั้งสองออกทับโฉนดที่ดินของจำเลย จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงห้ามมิให้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่จำเลยค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ