คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6683/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ประกอบด้วยมาตรา 438 วรรคสอง บัญญัติให้ผู้ทำละเมิดต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันได้ก่อขึ้นเป็นการเฉพาะไว้แล้วโจทก์ผู้ยืมรถยนต์ของผู้อื่นมาแล้วถูกจำเลยทำละเมิดชนท้ายได้รับความเสียหาย โจทก์ไม่มีหน้าที่ซ่อมรถยนต์คันที่ถูกทำละเมิดได้รับความเสียหายให้อยู่ในสภาพเดิม จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิด ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดใช้ค่าซ่อมรถยนต์ให้อยู่ในสภาพเดิม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดต่อโจทก์ฐานละเมิด
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธความรับผิดหลายประการ รวมทั้งต่อสู้คดีว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันที่เกิดเหตุชนกันและไม่ใช่ผู้เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดใช้ค่าซ่อมรถยนต์คันที่โจทก์ยืมมาจากเจ้าของแล้วถูกจำเลยที่ 1ทำละเมิดขับรถยนต์ชนท้ายได้รับความเสียหายนั้นหรือไม่ ปัญหาข้อนี้โจทก์อ้างว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 647บัญญัติว่า “ค่าใช้จ่ายอันเป็นปกติแก่การบำรุงรักษาทรัพย์สินซึ่งยืมนั้นผู้ยืมต้องเป็นผู้เสีย” ดังนั้น เมื่อรถยนต์ที่โจทก์ยืมมาใช้ถูกจำเลยที่ 1 ทำละเมิดให้เสียหาย แต่จำเลยที่ 1 ไม่ยอมซ่อมให้คืนสภาพเหมือนเดิม โจทก์จึงมีหน้าที่ซ่อมรถยนต์ดังกล่าวตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวแล้วโจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดใช้ค่าซ่อมรถยนต์คันดังกล่าวให้คืนสภาพเหมือนเดิมได้นั้นเห็นว่า บทกฎหมายที่โจทก์อ้างอิงดังกล่าวนั้น มีความหมายเพียงว่า ผู้ยืมต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาทรัพย์สินที่ยืม อันเป็นปกติของการใช้ทรัพย์สินที่ยืมเท่านั้นมิใช่กรณีอันเกิดจากการถูกกระทำละเมิด ซึ่งเป็นเหตุอันผิดปกติที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ประกอบด้วยมาตรา 438 วรรคสอง บัญญัติให้ผู้ทำละเมิดต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันได้ก่อขึ้นนั้นเป็นการเฉพาะไว้แล้วโจทก์จึงไม่มีหน้าที่จะต้องซ่อมรถยนต์คันที่ถูกจำเลยที่ 1ทำละเมิดได้รับความเสียหายนั้น ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดใช้ค่าซ่อมรถยนต์ดังกล่าวให้คืนสภาพเหมือนเดิมได้ ฎีกาของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share