คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4895/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดินและบ้านเป็นมรดกของ ส.ภริยาโจทก์ โจทก์มีสิทธิได้รับ 7 ใน 12 ส่วน นอกนั้นเป็นของทายาทอื่นคือบุตร 5 คน ศาลชั้นต้นสั่งแต่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. โจทก์ได้โอนที่ดินและบ้านดังกล่าวให้จำเลยซึ่งเป็นทายาทชั้นบุตรคนหนึ่ง แสดงว่าโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกได้โอนทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยไปทั้งหมดทั้งที่จำเลยควรจะได้รับเพียง 1 ใน 12 ส่วน โจทก์มิได้บรรยายฟ้องเลยว่า โจทก์ยกส่วนของโจทก์ให้จำเลยโดยเสน่หาการที่โจทก์ขอให้จำเลยโอนทรัพย์มรดกคืนแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก 11 ใน 12 ส่วน จึงเป็นการเรียกทรัพย์มรดกคืนในฐานะที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดก จะฟ้องถอนคืนการให้เพราะเหตุประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 531 มิได้ โจทก์จึงไม่มีกำหนดฟ้องคดีนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นบุตรโจทก์ซึ่งเกิดจากนางเสงี่ยมธานีรัตน์ ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ นางเสงี่ยมถึงแก่ความตาย มีทรัพย์มรดกคือที่ดินและบ้าน ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับ 7 ใน 12 ส่วน นอกนั้นเป็นของทายาทอื่น โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางเสงี่ยมตามคำสั่งศาล เมื่อวันที่ 19มกราคม 2531 โจทก์ได้จดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมบ้านดังกล่าวให้แก่จำเลย วันที่ 7 สิงหาคม 2532 โจทก์ได้ขอเงินจำเลยเพื่อนำไปใช้สอยส่วนตัว แต่จำเลยไม่ยอมให้ ทั้งยังได้หมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นจากญาติพี่น้องและคนทั่ว ๆ ไป ขอให้บังคับจำเลยโอนทรัพย์มรดกตามฟ้องคืนแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก 11 ใน 12 ส่วน หากขัดข้องให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยในการจดทะเบียนโอนทรัพย์มรดกดังกล่าวให้แก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดก
จำเลยให้การว่า โจทก์ชอบเสพสุราเป็นอาจิณ โจทก์เมาสุราไปขอเงินจำเลยเพื่อซื้อสุรา จำเลยไม่ให้ จำเลยไม่ได้หมิ่นประมาทไม่ได้ด่าโจทก์ที่ดินและบ้านเป็นทรัพย์มรดกของนางเสงี่ยมโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเสงี่ยมโอนให้แก่จำเลยซึ่งเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก เป็นการจัดการมรดก โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดินและบ้านเป็นมรดกของนางเสงี่ยมภริยาโจทก์ โจทก์มีสิทธิได้รับ 7 ใน 12 ส่วนนอกนั้นเป็นของทายาทอื่นคือบุตร 5 คน ศาลชั้นต้นสั่งแต่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางเสงี่ยม โจทก์ได้โอนที่ดินและบ้านดังกล่าวให้จำเลยซึ่งเป็นทายาทชั้นบุตรคนหนึ่ง ดังนี้ แสดงว่าโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกได้โอนทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยไปทั้งหมดทั้งที่จำเลยควรจะได้รับเพียง 1 ใน 12 ส่วน โจทก์มิได้บรรยายฟ้องเลยว่า โจทก์ยกส่วนของโจทก์ให้จำเลยโดยเสน่หา การที่โจทก์ขอให้จำเลยโอนทรัพย์มรดกคืนแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก11 ใน 12 ส่วน จึงเป็นการเรียกทรัพย์มรดกคืนในฐานะที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดก ฉะนั้นจะฟ้องถอนคืนการให้เพราะเหตุประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 มิได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้
พิพากษายืน

Share