คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5392/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยไม่อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ถือว่าพอใจในผลของคำพิพากษาแล้ว แม้โจทก์จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อให้จำเลยรับผิดเต็มตามจำนวนในฟ้อง ผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2ไม่ว่าจะเป็นประการใดจะไม่ลดความรับผิดของจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงอีก และที่ จำเลยนำเงินตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลก่อนที่โจทก์จะขอหมายบังคับคดีและโดยไม่ปรากฏสาเหตุจะถือว่าเป็นการวางเพื่อให้มีผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295(1) ไม่ได้ต้องถือว่าจำเลยวางเงินเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น แม้จำเลยจะคัดค้านก็ไม่ตัดอำนาจศาลชั้นต้นที่จะสั่งอนุญาตให้โจทก์รับเงินที่จำเลยวางไว้ต่อศาลชั้นต้นได้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 388,394.27 บาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมขณะคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 จำเลยทั้งสองให้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นรวมจำนวน 443,045.88 บาทมาวางศาลชั้นต้น
โจทก์ยื่นคำแถลงขอรับเงินที่จำเลยทั้งสองนำมาวางศาลดังกล่าว
จำเลยทั้งสองคัดค้านไม่ยอมให้โจทก์รับเงินโดยให้รอฟังผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ก่อน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์รับเงิน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์มีสิทธิรับเงินที่จำเลยทั้งสองวางไว้ต่อศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดีจำเลยทั้งสองไม่อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ถือว่าพอใจในผลของคำพิพากษาแล้ว แม้โจทก์จะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อให้จำเลยทั้งสองรับผิดเต็มตามจำนวนในฟ้อง ผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2ไม่ว่าจะเป็นประการใดจะไม่ลดความรับผิดของจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงอีก ที่จำเลยทั้งสองนำเงินตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลโดยไม่ปรากฏสาเหตุถือว่าจำเลยทั้งสองวางเงินเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแม้จำเลยจะแถลงคัดค้านก็ไม่ตัดอำนาจศาลชั้นต้นที่จะสั่งอนุญาตให้รับเงินดังกล่าวที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าการที่จำเลยทั้งสองนำเงินมาวางศาลนั้นเพื่อให้มีผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295(1) โดยโจทก์ก็จะขอบังคับคดีในระหว่างอุทธรณ์ไม่ได้และเมื่อจำเลยที่ 1คัดค้านโจทก์ก็ย่อมจะรับเงินที่จำเลยวางไว้นั้นไปจากศาลไม่ได้เห็นว่า จำเลยทั้งสองนำเงินมาวางศาลก่อนที่โจทก์จะขอหมายบังคับคดีและจำเลยทั้งสองวางเงินต่อศาลโดยไม่ปรากฏสาเหตุดังนั้นจะถือว่าเป็นการวางเพื่อให้มีผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295(1) ไม่ได้ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองวางเงินเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
พิพากษากลับ อนุญาตให้โจทก์รับเงินที่จำเลยทั้งสองวางไว้ต่อศาลชั้นต้นได้

Share