คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ที่บัญญัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อได้รับคำร้องขัดทรัพย์แล้วให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินนั้นไว้ระหว่างรอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาล หมายถึงศาลที่ออกหมายบังคับคดีนั้นเอง คือศาลชั้นต้น หาได้หมายถึงศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่ ดังนี้เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องเจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมมีอำนาจขายทรัพย์ดังกล่าวได้ ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดของผู้ร้อง และขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งงดการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องก่อนศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจว่ามีเหตุสมควรที่จะให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวหรือไม่ ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่า ทรัพย์ที่โจทก์ยึดเพื่อขายทอดตลาดในคดีนี้เป็นทรัพย์ที่ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วย ดังนี้ผู้ร้องจึงอยู่ในฐานะบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอกันส่วนของผู้ร้องในทรัพย์ที่จะขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ผู้ร้องไม่ได้มีฐานะเป็นผู้ร้องขัดทรัพย์ตามมาตรา 288 จึงไม่มีเหตุที่จะงดการขายทอดตลาดทรัพย์ไว้ในระหว่างอุทธรณ์

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 1909 พร้อมสิ่งปลูกสร้างปั๊มน้ำมันและบ้านไม้ชั้นเดียวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 12789เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ดังกล่าวมีราคา 5,700,100 บาทเป็นทรัพย์ที่ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์อยู่ด้วยกึ่งหนึ่ง ขอให้ปล่อยทรัพย์ทั้งสองรายการ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้องผู้ร้องอุทธรณ์ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้องขัดทรัพย์เจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมมีอำนาจขายทรัพย์ได้ เว้นแต่ผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ร้องขอคุ้มครองประโยชน์ จึงไม่มีเหตุงดการขายทอดตลาดทรัพย์ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งและยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยขอให้พิพากษามีคำสั่งให้งดการขายทอดตลาดไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกาคำสั่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องฎีกาว่าเมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์และคดีร้องขัดทรัพย์ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จะต้องงดการขายทอดตลาดไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุดนั้น เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 บัญญัติให้ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับคำร้องดังกล่าวแล้ว ให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินนั้นไว้ระหว่างรอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลซึ่งหมายถึงศาลที่ออกหมายบังคับคดีนั้นเอง คือ ศาลชั้นต้นหาได้หมายถึงศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง เจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมมีอำนาจขายทรัพย์ดังกล่าวได้ เมื่อผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดของผู้ร้องและขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งงดการขายทอดตลาดดังกล่าวเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องก่อนศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจว่า มีเหตุสมควรที่จะให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องอ้างว่า ทรัพย์ที่โจทก์ยึดเพื่อขายทอดตลาดในคดีนี้เป็นทรัพย์ที่ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วย ผู้ร้องจึงอยู่ในฐานะบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอกันส่วนของผู้ร้องในทรัพย์ที่จะขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287ผู้ร้องไม่ได้มีฐานะเป็นผู้ร้องขัดทรัพย์ตามมาตรา 288 ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่มีเหตุที่จะงดการขายทอดตลาดทรัพย์ไว้ในระหว่างอุทธรณ์และมีคำสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องในระหว่างพิจารณา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยส่วนคำพิพากษาฎีกาที่ 25-27/2528 ที่ผู้ร้องอ้างในฎีกามีข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้
พิพากษายืน

Share