แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทรายนี้ยังคงโต้เถียงความเป็นเจ้าของกันอยู่โจทก์กับบิดาจำเลยต่างก็อ้างว่าซื้อที่พิพาทมาจาก ป.ยิ่งกว่านั้นยังปรากฏตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1826/2532ของศาลชั้นต้นว่า โจทก์ก็ถูก ป. ฟ้องว่าปลอมหนังสือมอบอำนาจและนำไปใช้จดทะเบียนโอนขายที่พิพาทเป็นของตนโดยไม่ชอบขอให้ลงโทษฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม กับขอให้เพิกถอนนิติกรรมจดทะเบียนโอนขายที่พิพาททั้งสองแปลงอีกด้วยป. เพิ่งจะถอนฟ้องและยอมให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์เพราะโจทก์ชำระเงินให้จำนวน 50,000 บาท ก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้เพียง 6 วัน เช่นนี้จึงฟังไม่ได้ความแน่ชัดว่าขณะเกิดเหตุที่พิพาทเป็นของโจทก์ ที่จำเลยเข้าไปไถที่พิพาทก็ปรากฏว่า บิดาจำเลยซึ่งเป็นผู้ซื้อที่พิพาทจาก ป. ให้จำเลยทำ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าตามวันเวลาที่โจทก์ฟ้อง จำเลยได้เข้าไปไถที่พิพาท มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่เห็นว่าที่พิพาทรายนี้ยังคงโต้เถียงความเป็นเจ้าของกันอยู่โจทก์กับนายจำลองบิดาจำเลยต่างก็อ้างว่าซื้อที่พิพาทมาจากนางปุ่นยิ่งกว่านั้นยังปรากฏตามสำเนาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1826/2532 ของศาลชั้นต้นเอกสารหมาย ล.1 ว่า โจทก์ก็ถูกนางปุ่นฟ้องว่าปลอมหนังสือมอบอำนาจและนำไปใช้จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทเป็นของตนโดยไม่ชอบขอให้ลงโทษฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม กับขอให้เพิกถอนนิติกรรมจดทะเบียนโอนขายที่ดินที่พิพาททั้งสองแปลงอีกด้วย นางปุ่นเพ่ง จะถอนฟ้องและยอมให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์เพราะโจทก์ชำระเงินให้จำนวน 50,000 บาท เมื่อวันที่15 พฤศจิกายน 2532 ก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้เพียง6 วัน เช่นนี้จึงฟังไม่ได้ความแน่ชัดว่าขณะเกิดเหตุที่พิพาทเป็นของโจทก์ ที่จำเลยเข้าไปไถที่พิพาทก็ปรากฏว่านายจำลองบิดาจำเลยซึ่งเป็นผู้ซื้อที่พิพาทจากนางปุ่นตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย ล.4 ให้จำเลยทำ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกตามนัยแห่งคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2510 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดแพร่ โจทก์ นายจันดา อุดมผล จำเลย
พิพากษายืน