คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 และที่ 2 เช่าที่ดินและตึกแถวจากโจทก์แล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า โจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว แต่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ยอมออกจากตึกแถวพิพาท จึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายอันเป็นค่าขาดประโยชน์ให้โจทก์ส่วนจำเลยที่ 3เป็นเพียงคู่สัญญาเช่าช่วงกับจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 2ไม่มีสิทธิให้เช่าช่วง จำเลยที่ 3 ก็ไม่มีสิทธิใช้ประโยชน์ในตึกแถวพิพาท และจำเลยที่ 3 มิได้เป็นคู่สัญญาเช่ากับโจทก์แต่เป็นเพียงบริวารของผู้เช่า จึงไม่ต้องร่วมรับผิดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ให้จำเลยที่ 1 เข่าที่ดินและตึกแถวต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ แต่จำเลยและบริวารไม่ยอมออกไปจากที่ดินและตึกแถวที่เช่าทั้งจำเลยที่ 2ได้ทำสัญญาให้จำเลยที่ 3 เช่าช่วงตึกแถวดังกล่าวบางส่วนภายหลังจากที่โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยชอบแล้วโดยไม่มีสิทธิ ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ได้ทุบเสา รื้อพื้นคาน เปลี่ยนแปลงภายในอาคารชั้นที่ 3 โดยไม่มีสิทธิ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากอาคารและที่ดินของโจทก์หรือให้โจทก์มีสิทธิเข้าขนย้ายทรัพย์สินดังกล่าวออกไปโดยจำเลยทั้งสามเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้ค้างชำระค่าเช่าแต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 2มีอำนาจให้จำเลยที่ 3 เช่าช่วงอาคารได้โดยชอบ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์จากจำเลยที่ 1 และที่ 2ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 ไม่เคยทำสัญญาเช่าช่วงอาคารจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 3 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 3 ชดใช้ค่าเสียหาย 40,000 บาท ให้แก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาขอให้บังคับจำเลยที่ 1และที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าขาดประโยชน์จากการไม่ได้ใช้ที่ดินและตึกแถวพิพาทแก่โจทก์เป็นเงิน 64,000 บาท และให้จำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ 3 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายนับแต่วันฟ้องเดือนละ 16,000 บาทจนกว่าจำเลยทั้งสามจะออกจากตึกแถวพิพาทนั้น เมื่อฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์และโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ยอมออกจากตึกแถวพิพาทจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เท่ากับค่าเช่าเดือนละ 16,000 บาท นับแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม2528 เป็นเงิน 64,000 บาท และนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยที่ 1และที่ 2 จะออกจากตึกแถวพิพาท ส่วนจำเลยที่ 3 จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 16,000 บาทแก่โจทก์ นับแต่วันฟ้องหรือไม่ เห็นว่าจำเลยที่ 3 เป็นคู่สัญญาเช่าช่วงกับจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิให้เช่าช่วง จำเลยที่ 3 ก็ไม่มีประโยชน์ในตึกแถวพิพาทตามสัญญาเช่าช่วง ค่าเสียหายเดือนละ 16,000 บาท เป็นค่าเสียหายที่เกิดจากการที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ผิดสัญญาเช่ากับโจทก์จำเลยที่ 3 มิได้เป็นคู่สัญญาเช่ากับโจทก์แต่เป็นเพียงบริวารของผู้เช่า จึงไม่ต้องร่วมรับผิดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวให้โจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ขับไล่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3และบริวารออกจากที่ดินและตึกแถวพิพาทของโจทก์ ให้จำเลยที่ 1และที่ 2 ใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 64,000 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 16,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกจากตึกแถวพิพาทนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share