คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2529

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์จึงทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ให้โจทก์ตามสำเนาหนังสือ รับสภาพหนี้ท้ายฟ้อง ต่อมาโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยไม่ยอมชำระ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยยื่นคำให้การกล่าวถึงที่มาแห่งหนี้ตลอดทั้งเหตุที่จำเลยไม่ต้องรับผิดไว้โดยละเอียดชัดแจ้งแสดงว่าจำเลยเข้าใจคำฟ้องของโจทก์ได้ดีฟ้องไม่เคลือบคลุม ฎีกาของจำเลยที่ว่าศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์ว่าหนี้คดีนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ เป็นการไม่ชอบ เพราะปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้นปัญหาดังกล่าวมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานไม่ได้กำหนดไว้เป็นประเด็นพิพาทจำเลยมิได้โต้แย้ง ถือได้ว่าจำเลยได้สละประเด็นข้อนี้แล้วจึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 178,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น เห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์130,000 บาท จึงทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ให้โจทก์ตามสำเนาหนังสือรับสภาพหนี้ท้ายฟ้อง ต่อมาโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าว จำเลยไม่ยอมชำระให้จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้กล่าวถึงที่มาแห่งหนี้รายนี้ตลอดทั้งเหตุที่จำเลยไม่ต้องรับผิดไว้โดยละเอียดชัดแจ้งแสดงว่าจำเลยเข้าใจคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวได้ดี ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้บอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ก่อนนั้น จำเลยมีนายจำนงค์ โพธิสาโรรองอธิบดีกรมป่าไม้น้องชายจำเลยมาเบิกความว่าภริยาโจทก์เคยมาขอให้นายจำนงค์ช่วยบอกจำเลยให้ชำระหนี้ให้โจทก์นายจำนงค์จึงมีหนังสือเอกสารหมาย ปจ.1 ถึงจำเลย โจทก์ว่าได้เอาหนังสือดังกล่าวให้จำเลยแล้วจำเลยไม่ชำระหนี้ให้จึงให้ทนายความมีหนังสือเอกสารหมาย จ.3 ส่งทางไปรษณีย์ตอบรับทวงถาม จำเลยรับหนังสือทวงถามแล้วโดยโจทก์นำนายผล บุญสะกันต์ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์โทรเลขคลองแงะมาเบิกความยืนยันว่าได้นำเอกสารหมาย จ.3 ไปส่งให้จำเลยซึ่งรู้จักกันมาก่อน จำเลยรับเอกสารหมาย จ.3 ด้วยตนเองและลงชื่อรับไว้ในช่องผู้รับปรากฏตามเอกสารหมาย จ.2เห็นว่าคำเบิกความของนายจำนงค์ที่ว่าได้มีหนังสือถึงจำเลยและคำเบิกความของนายผลเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์โทรเลขที่ว่าจำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าว เชื่อได้ว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้และจำเลยได้รับคำบอกกล่าวแล้ว ฎีกาจำเลยที่ว่าไม่ได้รับคำบอกกล่าวฟังไม่ขึ้น สำหรับฎีกาจำเลยที่ว่าศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์ว่าหนี้คดีนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระเป็นการไม่ชอบเพราะปัญหาดังกล่าว เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้นเห็นว่า ปัญหาดังกล่าวมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานไม่ได้กำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาท จำเลยมิได้โต้แย้งถือได้ว่าจำเลยได้สละประเด็นข้อนี้แล้ว จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้จึงชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต่อไปว่าหนี้ตามสัญญาท้ายฟ้องระงับแล้วหรือไม่จำเลยนำสืบตนเองและนางมาลี สุวรรณรัศมีภริยานายทวีว่าก่อนนายทวีตายนายทวีบอกว่าได้โอนที่ดินมีโฉนดตำบลพะวง จังหวัดสงขลา ชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.1 แล้วนางมาลีว่าเมื่อนายทวีใช้หนี้แล้วได้บอกให้จำเลยทราบเห็นว่าคำเบิกความของจำเลยและนางมาลีเป็นคำบอกเล่าไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อเพราะหากว่านายทวีชำระหนี้และบอกให้จำเลยทราบแล้วเหตุใดจำเลยหรือนายทวีไม่ขอคืนหรือมีการแทงเพิกถอนหนังสือรับสภาพหนี้ การที่ไม่มีการขอคืนหรือแทงเพิกถอนเอกสารหมาย จ.1 จึงเชื่อได้ว่ายังไม่มีการชำระหนี้กันศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 2,500 บาทแทนโจทก์

Share