คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4737/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด และศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแล้ว แม้เมื่อจำเลยเห็นว่าราคาที่ขายต่ำกว่าราคาในท้องตลาดมากและได้คัดค้านต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งเท่ากับเป็นการอ้างว่าการบังคับคดีกระทำโดยไม่ชอบเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแล้วก็ตาม จำเลยก็จะต้องยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีได้เสร็จสิ้นลงแต่ต้องไม่ช้ากว่า 8 วันนับแต่ทราบการฝ่าฝืนนั้น จำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาโดยไม่ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นเสียก่อนหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจาก เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยมาขายทอดตลาด เพื่อเอาเงินชำระหนี้ให้โจทก์ตามคำพิพากษา ในชั้นขายทอดตลาดเจ้าพนักงานบังคับคดีแยกขายทรัพย์ออกเป็น 2 รายการปรากฏว่าผู้ซื้อทรัพย์ทั้งสองเสนอราคาสูงสุด โจทก์ไม่คัดค้านการขายส่วนผู้แทนจำเลยคัดค้านว่าราคาต่ำไป เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานต่อศาลว่า ผู้แทนจำเลยคัดค้านว่าราคาที่เสนอสูงสุดในแต่ละรายการนั้นยังต่ำไป ส่วนเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าเป็นราคาพอสมควรแล้ว สมควรขายทรัพย์ทั้งสองรายการแก่ผู้เสนอราคาสูงสุด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ขายทรัพย์ทั้งสองรายการแก่ผู้เสนอราคาสูงสุดทั้งสองราย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดและศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแล้ว หากจำเลยเห็นว่าราคาที่ขายต่ำกว่าราคาในท้องตลาดมากทำให้จำเลยเสียหายและได้คัดค้านไว้ในขณะที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาด เท่ากับกล่าวอ้างว่าการบังคับคดีได้กระทำโดยไม่ชอบ เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยชอบที่ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีได้เสร็จสิ้นลง แต่ต้องไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่ทราบการฝ่าฝืนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และ 296 วรรคสองจำเลยใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาโดยไม่ยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นตามขั้นตอนเสียก่อนหากระทำได้ไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share