คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4457/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายล.ตัวแทนหาประกันชีวิตของจำเลยเอาแบบคำขอเอาประกันชีวิตให้เด็กหญิง ป. อายุเพียง 8 ปี ลงลายมือชื่อ ไว้โดยไม่ได้กรอกข้อความ แล้วนายล.นำแบบคำขอเอาประกันชีวิตดังกล่าวไปกรอกข้อความเอง เด็กหญิง ป. จึงไม่อยู่ในวิสัยที่จะแจ้งข้อความเกี่ยวกับความป่วยเจ็บของตนให้ทราบได้ และไม่สามารถจะทราบความร้ายแรงของโรคที่ตนเป็นอยู่ได้ จึงถือไม่ได้ว่าผู้เอาประกันภัยละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 865 วรรคแรก คำขอเอาประกันชีวิตไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดงโจทก์มีสิทธิสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารดังกล่าวได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94(ข)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นบิดามารดาของเด็กหญิงประสานเด็กหญิงประสานได้เอาประกันชีวิตไว้กับจำเลย ต่อมาเด็กหญิงประสานถึงแก่ความตายขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวน 40,768 บาทแก่โจทก์ทั้งสองพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินตามกรมธรรม์ 39,060 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ภายหลังที่ผู้ตายซึ่งเป็นผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่ความตาย จำเลยตรวจสอบพบว่าในขณะเอาประกันชีวิตผู้ตายและโจทก์ทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าผู้ตายมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ป่วยเป็นโรคเลือดผิดปกติได้ละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงและแถลงข้อความเป็นเท็จว่า ผู้ตายมีสุขภาพสมบูรณ์ดีในระหว่าง 2 ปีที่แล้วมาไม่เคยให้แพทย์ตรวจ จำเลยได้มีหนังสือบอกล้างไปยังโจทก์ทั้งสองแล้วสัญญาประกันชีวิตจึงตกเป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ทั้งสองจำนวน39,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10มกราคม 2531 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าเด็กหญิงประสานอายุ 8 ปี บุตรโจทก์ทั้งสองได้ทำคำขอเอาประกันชีวิตแบบรายเดือนไม่ตรวจสุขภาพต่อจำเลย โดยนายลบ หอมดี ตัวแทนหาประกันชีวิตของจำเลยเป็นผู้กรอกข้อความให้จำเลยเห็นว่าคำขอเอาประกันชีวิตดังกล่าวถูกต้องตามระเบียบ จึงได้ออกกรมธรรม์ประกันภัยให้เด็กหญิงประสานไว้โดยระบุให้โจทก์ทั้งสองเป็นผู้รับประโยชน์ต่อมาเด็กหญิงประสานถึงแก่กรรม โจทก์ทั้งสองขอรับเงินประกันจำเลยสืบทราบว่าเด็กหญิงประสานผู้ตายสุขภาพไม่สมบูรณ์มาก่อนทำสัญญาประกันชีวิต จึงบอกล้างสัญญาประกันชีวิตแก่โจทก์ทั้งสองคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยข้อแรกว่า เด็กหญิงประสานผู้เอาประกันชีวิตมีหน้าที่แถลงข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 วรรคแรก โดยทำเป็นหนังสือเพื่อให้จำเลยพิจารณารับประกันชีวิตนั้นเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายลบตัวแทนหาประกันชีวิตของจำเลยเอาแบบคำขอเอาประกันชีวิตให้เด็กหญิงประสานลงลายมือชื่อไว้โดยไม่ได้กรอกข้อความ แล้วนายลบก็นำแบบคำขอเอาประกันชีวิตดังกล่าวไปกรอกข้อความเอง เด็กหญิงประสานซึ่งมีอายุเพียง 8 ปีจึงไม่อยู่ในวิสัยที่จะแจ้งข้อความเกี่ยวกับความป่วยเจ็บของตนให้ทราบได้ และไม่สามารถจะทราบถึงความร้ายแรงของโรคที่ตนเป็นอยู่ได้ จึงจะถือว่าผู้เอาประกันภัยละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 วรรคแรก ย่อมไม่ได้ ส่วนที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อสุดท้ายว่าคำขอเอาประกันชีวิตมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)เห็นว่าเรื่องคำขอเอาประกันชีวิตไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดง กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share